น้ำมันแพงพ่นพิษ ค่าขนส่ง สินค้า แข่งกันขึ้นราคา ขณะที่ราคาจำหน่ายกุ้งก้ามกรามอาหารขึ้นชื่อและสัตว์เศรษฐกิจของจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ปากบ่อและแหล่งรับซื้อ ทั้งภายในจังหวัดและต่างจังหวัด ยังตรึงราคาตัวโก่ง แต่มีแนวโน้มปรับขึ้นราคาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากแบกรับต้นทุนการผลิต ทั้งค่าอาหารกุ้งและค่าขนส่งไม่ไหว
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศเลี้ยงกุ้งก้ามกราม สัตว์เศรษฐกิจอันดับหนึ่งของ จ.กาฬสินธุ์ และอาหารยอดฮิตในช่วงเทศกาล พบว่าอยู่ในช่วงชะลอตัว โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งระบุว่า เป็นช่วงที่รอออร์เดอร์จับจำหน่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ขณะที่ยังมีพ่อค้าคนกลางและผู้ประกอบร้านอาหาร จุดจำหน่ายกุ้ง ทั้งภายใน จ.กาฬสินธุ์ และต่างจังหวัด ทยอยเข้ามารับซื้อที่ปากบ่อและจุกพักค่อนข้างบางตา จากการสอบถามทราบว่าเป็นผลมาจากราคาน้ำมันแพง และเสี่ยงกับการค้าขายขาดทุน
นายสยุมภู ไร่ไสว อายุ 40 ปี ผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม และพ่อค้าคนกลางขายส่งกุ้งก้ามกราม กล่าวว่า กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์ ซึ่งเลี้ยงกันมากในพื้นที่ ต.บัวบาน ต.นาเชือก ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด และ ต.ลำคลอง ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ เป็นอาหารยอดนิยมของผู้บริโภคทั่วไป มีพ่อค้าคนกลางนำส่งลูกค้าทั่วภาคอีสาน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่จะมีการพบปะ ร่วมรับประทานอาหาร และเหมาะสำหรับเป็นของฝากญาติพี่น้องต่างจังหวัด ถือเป็นของดีของ จ.กาฬสินธุ์ ที่พื้นที่จังหวัดอื่นไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้ ทั้งนี้ โดยอาศัยน้ำจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ที่ปีนี้ได้ส่งน้ำมาให้เกษตรกรได้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม รวมทั้งทำนาปรังอย่างพอเพียง
นายสยุมภูกล่าวอีกว่า จากบรรยากาศการซื้อขายกุ้งก้ามกราม ในเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ซึ่งมีความคึกคักเป็นอย่างมาก จึงคาดการณ์ว่าเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึง บรรยากาศการค้าขายกุ้งก้ามกรามจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่จากภาวะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีการปรับตัวสูงขึ้นมาก จึงเป็นภาระและความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้ง และพ่อค้าค้าขายกุ้งต้องคิดหนัก เนื่องจากเป็นการเพิ่มทุนทั้งการผลิตและการตลาด ส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตกุ้งเป็นลูกโซ่ เริ่มจากค่าอาหารเลี้ยงกุ้งแพงขึ้น ค่าขนส่งสูงขึ้น โดยราคาซื้อขายที่ปากบ่อ และแหล่งรับซื้อยังเท่าเดิม คือที่ปากบ่อ ราคา กก.ละ 250-260 บาท หากนำไปส่งลูกค้าตามร้านอาหาร หรือจุดพักกุ้งต่างจังหวัด เช่น ขอนแก่น ชัยภูมิ ราคา กก.ละ 290 บาท หรือคิดกำไร กก.ละ 30-40 บาทเท่านั้น ขณะการขนส่งจะมีทั้งค่านำมันรถและค่าน้ำมันเครื่องทำออกซิเจน เฉลี่ยแล้วในการส่งกุ้งต่างจังหวัดแต่ละเที่ยว จะเกิดค่าขนส่งครั้งละประมาณ 2,000 บาท
นายสยุมภูกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่ออยู่ในภาวะราคาน้ำมันแพง จะปรับราคาที่ปากบ่อและราคาขายส่งก็ไม่ได้ เพราะดูเหมือนราคากุ้งจะมีเพดานจำกัดเท่านี้ แต่หากราคาน้ำมันยังไม่ปรับลด ก็จะมีการพูดคุยกันระหว่างเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งและแหล่งรับซื้อ ซึ่งคิดว่ามีแนวโน้มจะขอปรับขึ้นราคาตากลไกตลาดเพื่อให้สามารถอยู่ได้ ส่วนจะปรับราคาขึ้นกี่บาทต่อ กก.นั้น คงจะมีการพูดคุยอีกอีกที เพราะราคาอาหารเลี้ยงกุ้ง และราคาสินค้าต่างๆ ขึ้นแล้ว แต่ราคากุ้งก้ามกรามยังไม่ปรับขึ้นเลย อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง เพราะผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและพ่อค้าขนส่งกุ้งเดือดร้อนอย่างมาก