ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. พร้อมด้วย ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา มข. และ ดร.นพรัตน์ อินทร์วิเศษ หัวหน้าทีมวิจัย บริษัท มิส ลิลลี่ จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวสเปรย์สำหรับช่องปากและลำคอ จากสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ซึ่งสถาบันวิจัยและพัฒนา มข.ร่วมกับ บ.มิส ลิลลี่ จำกัด ได้ทำการวิจัยและคิดค้นขึ้นสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก ท่ามกลางความสนใจจากนักวิชาการ และคณาจารย์ รวมทั้งนักศึกษาร่วมชมผลงานวิจัยดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มข. กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ฟ้าทะลายโจรสมุนไพรของไทยเป็นความหวังในการบรรเทาอาการของผู้ป่วยเนื่องจากมีสรรพคุณป้องกัน รักษาอาการหวัด และยังยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส โดยสารสำคัญในฟ้าทะลายโจรที่ให้ฤทธิ์ทางยาเ และได้รับการรับรองอย่างแพร่หลายทั่วโลกในแง่ของการป้องกันและยับยั้งเชื้อโควิดได้ก็คือ แอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ซึ่ง สารดังกล่าวที่อยู่ในฟ้าทลายโจรได้รับความสนใจอย่างมากและ มีการนำมาพัฒนามากยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ และมีงานวิจัยข้อมูลทางการแพทย์มากมายในต่างประเทศ ซึ่งคณะนักวิจัย มข. โดยฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษาได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสารดังกล่าวมาโดยตลอด จนล่าสุดประสบความสำเร็จในการคิดค้นแนวทาง การนำสารแอนโดรกราโฟไลด์มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบนาโนอิมัลชัน (nano-emulsion) ได้เป็นครั้งแรกของโลก
ด้าน ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา มข. กล่าวว่า สารแอนโดรกราโฟไลด์ที่เป็นสารในกลุ่มไดเทอร์ปีนแลคโตน (Diterpene Lactone) เป็นสารออกฤทธิ์สำคัญที่พบในสมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่มีรายงานทางวิชาการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศว่า มีฤทธิ์ลดไข้ ต้านการอักเสบ และต้านเชื้อไวรัส เป็นสารที่ให้รสขม ปัจจุบันมีการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจร จากใบ หรือส่วนอื่นๆ หรือสารสกัดหยาบในรูปยาผงแบบอัดเม็ดและแคปซูล ซึ่งการใช้ในรูปแคปซูลดังกล่าว จะมีแอนโดรกราโฟไลด์ที่เป็นสารสำคัญอยู่ประมาณ 1.38-3.21% ขึ้นกับสถานที่ปลูก และเนื่องด้วยเป็นสารที่ไม่ละลายในน้ำ จึงทำให้สารแอนโดรกราโฟไลด์ถูกดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ในร่างกายได้เพียง 2.67% จึงทำให้ต้องรับประทานครั้งละ 4 แคปซูลและต่อเนื่องวันละ4ครั้งรวม12แคปซูลต่อวันหรือให้ได้ปริมาณผงยา 6,000 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งเทียบเท่ากับสารแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มิลลิกรัมต่อวัน
“คณะนักวิจัยจึงได้ทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แอนโดรกราโฟไลด์บริสุทธ์ ด้วยเทคโนโลยีนาโนอิมัลชัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมขึ้นอีกหลายเท่า ทำให้ใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยแต่มีประสิทธิภาพในการทำงานในระดับสูง ลดความเสี่ยงของการรับประทานสมุนไพรในรูปปกติในปริมาณมากเกินขนาด หรือover dose) เป็นการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากงานวิจัยมาใช้ประโยชน์และต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ในการดูแลสุขภาพของคนไทยในสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเทคโนโลยีนาโนอิมัลชันถูกใช้ในหลายผลิตภัณฑ์มาเป็นเวลานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางค์ และยารักษาโรค แต่ยังไม่มีการนำสารแอนโดรกราโฟไลด์มาพัฒนาในรูปแบบนี้ ซึ่งงานวิจัยเกือบทั้งหมดเป็นการศึกษาประโยชน์ทางยาของสารแอนโดรกราโฟไลด์ในรูปแบบผง แม้การทำนาโนอิมัลชันในห้องปฏิบัติการเองก็ยังประสบกับปัญหาหลายอย่าง เช่น การทำให้อนุภาคมีขนาดเล็กกว่า 100 นาโนเมตรมีความสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ความคงตัว (stability) ของสารละลายก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากเช่นกัน ในการทดลองต้องหาชนิดสารและปริมาณที่เหมาะสม และต้องปรับความเป็นกรดด่างเพื่อให้สารไม่เกิดการออกซิเดชัน และไม่เป็นกรดมากจนเป็นอันตราย รวมถึงต้องปรุงแต่งรสชาติเพื่อลดความขมของสารแอนโดร กราโฟไลด์ และมีรสชาติที่ใช้ได้กับทุกวัย”
ศ.ดร.มนต์ชัย กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันกระบวนการผลิตดังกล่าวได้ข้อสรุปและมีการต่อยอดเชิงพาณิชย์ในรูปแบบของสเปรย์พ่นช่องปากและลำคอ ขนาด 10 มิลลิลิตรและ 20 มิลลิตร ที่ขณะนี้ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ตัวอย่างวางจำหน่ายแล้วที่ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. และ ร้านขายาในความรับผิดชอบของ มข. และ จะมีการต่อยอดเชิงพาณิชย์ไปในกลุ่มร้านขายยา ซึ่งคดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ในช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตามสเปรย์พ่นช่องปากและลำคอจากฟ้าทะลายโจรดังกล่าว ถือเป็นการเตรียมการที่สำคัญตามแผนโรดแมปตามที่รัฐบาลได้เตรียมการคลายล็อคมาตรการต่างๆและประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในวันที่ 1 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งผลงานวิจัยของ มข.จะเป็นยาสามัญประจำบ้านที่เหมาะต่อการใช้งานเพื่อระวัง และป้องกันได้ในทุกเพศ ทุกวัยสามารถฉีดพ่นได้ทุกเวลาอีกด้วย