ศรีสะเกษ คืบหน้าหลวงพ่อเชื่อถูกผีสิงสึกแล้วยอมทิ้ง 13 พรรษาเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด หลังสึกแล้วเก็บตัวเงียบไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้อ้างต้องการพักรักษาตัวอย่างสะดวกและดูแลอดีตภรรยาที่ป่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวทางเพจแม่ทัพลิง 3/1 ว่า หลวงพ่ออาคม อภิฅโม อายุ 68 ปี พระลูกวัดคลองแอนพัฒนาราม หมู่ 8 ต.คลองสาม อ.คลองหลวงจ.ปทุมธานี ได้ไปรักษาตัวทางไสยาศาสตร์ที่ จ.ราชบุรี เนื่องจากเชื่อว่า มีอาการคล้ายกับถูกผีเข้าสิง บังคับตนเองไม่ได้ ปวดตามเนื้อตัว เคยไปรักษาที่ รพ.หลายแห่งแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้นจึงได้เสาะแสวงหาหมอหรือสถานที่ที่จะช่วยในการรักษาพยาบาลอาการเจ็บป่วย โดยมีภาพที่ไม่เหมาะสมเผยแพร่ออกไปทำให้มีการวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด หลวงพ่ออาคม ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า หลวงพ่อได้ตัดสินใจเตรียมที่จะลาสิกขาบทสึกจากความเป็นพระในวันนี้ (30 มี.ค.65) ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 30 มี.ค. 654 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 บ้านป่าไร่ ต.พรหมสวัสดิ์ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ได้พบกับ นางบังอร บุรีแสง ผญบ.ป่าไร่ ซึ่งมีที่ทำการอยู่ปากทางเข้าวัดป่าไร่พรหมาราม ได้กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจาก หลวงพ่อสหภาพ จิตตธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าไร่พรหมาราม ต.พรหมสวัสดิ์ อ.พยุห์ ว่า หลวงพ่ออาคมได้มาแจ้งให้ทราบว่า จะลาสิกขาบทและขณะนี้ หลวงพ่ออาคม อภิฅโม ท่านได้เดินทางไปที่ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อไปหาซื้อเสื้อผ้าฆราวาส เพื่อที่จะลาสิกขาบทสึกจากความเป็นพระแล้ว โดยมีหลานชายที่เป็น อบต.หมู่ 8 บ้านป่าไร่ ขับรถยนต์พาหลวงพ่ออาคมไปทำการสึกแล้ว แต่ไม่ทราบว่า หลังจากหลวงพ่ออาคมสึกแล้วไปอยู่ที่ใด เนื่องจากว่า ไม่สามารถติดต่อได้เลย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดป่าไร่พรหมาราม ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่ทำการผู้ใหญ่บ้านพบว่า ภายในวัดกำลังทำการก่อสร้างศาลาวัดและศาสนสถานต่าง ๆ ได้พบกับ หลวงพ่อสหภาพ จิตตธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าไร่พรหมาราม และ นายกิตติพงษ์ สายปาน อบต.หมู่ 8 บ้านป่าไร่ ต.พรหมสวัสดิ์ ซึ่งเป็นผู้ที่พาหลวงพ่ออาคม อภิฅโม ไปหาซื้อเสื้อผ้าและไปลาสิกขาบท โดย นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ตนได้นำหลวงพ่ออาคม ไปหาซื้อเสื้อผ้าชุดขาวที่บริเวณตลาดสังฆภัณฑ์ ถนนราชการรถไฟ 1 ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จากนั้น ได้นำหลวงพ่ออาคม ไปที่วัดหลวงสุมังคลาราม ต.เมืองใต้ อ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อขอให้พระผู้ใหญ่สายธรรมยุติทำการสึกให้ โดยพระผู้ใหญ่ได้สอบถามความเป็นมาของสาเหตุที่ต้องการสึก เมื่อหลวงพ่ออาคม เล่าให้ฟังแล้ว พระผู้ใหญ่ของวัดหลวงสุมังคลาราม ได้แจ้งว่า สาเหตุดังกล่าวไม่ใช่ความผิดเพื่อที่จะทำให้ต้องสึกจากความเป็นพระได้ อีกทั้งมีพรรษามากถึง 13 พรรษาแล้วจึงไม่ยอมสึกให้ โดยขอให้หลวงพ่าออาคมกลับไตร่ตรองพิจารณาใหม่
นายกิตติพงษ์ สายปาน อบต.หมู่ 8 บ้านป่าไร่ ต.พรหมสวัสดิ์ อ.พยุห์ กล่าวต่อไปว่า ตนจึงได้นำหลวงพ่ออาคม เดินทางไปที่ วัดป่าร่มโพธิ์แก้ว ต.พรหมสวัสดิ์ อ.พยุห์ แต่พระผู้ใหญ่ก็มีความเห็นเช่นเดียวกันว่า ไม่มีความผิดต้องสึก จากนั้น ตนจึงได้นำหลวงพ่ออาคม ไปที่วัดป่าญาณวิเศษ บ้านโนนสว่าง ต.พรหมสวัสดิ์ อ.พยุห์ แต่พระผู้ใหญ่ก็ไม่ยอมสึกให้ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกันคือหลวงพ่ออาคมไม่มีความผิดอะไร สุดท้ายได้เดินทางไปที่วัดหนองทับทัย อ.พยุห์ ได้เข้ากราบเจ้าอาวาสวัดหนองทับทัย ซึ่งหลวงพ่ออาคม ได้แจ้งถึงสาเหตุการขอลาสิกขาบทให้ทราบ ซึ่งเจ้าอาวาสวัดหนองทับทัย ได้กล่าวว่า สาเหตุเพียงเท่านี้ไม่ใช่ความผิดที่จะต้องถึงกับลาสิกขาบท แต่ว่าหลวงพ่ออาคมได้อ้อนวอนขอความเมตตาจากเจ้าอาวาสวัดหนองทับทัยว่า ต้องการที่จะลาสิกขาบทเพื่อยุติปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าอาวาสวัดหนองทับทัย ยอมทำการสึกให้ เมื่อเวลาประมาณ 13.15 น. ของวันที่ 30 มี.ค. 65
นายกิตติพงษ์ สายปาน อบต.หมู่ 8 บ้านป่าไร่ กล่าวด้วยว่า สำหรับสาเหตุที่หลวงพ่ออาคมได้ลาสิกขาบทนั้น ท่านบอกว่า เพื่อต้องการที่จะยุติปัญหาเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ ไม่ต้องการให้มีเรื่องวุ่นวายเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา ไม่อยากให้มีผลกระทบใด ๆ ต่อญาติพี่น้อง และเพื่อต้องการไปรักษาตัวที่เจ็บป่วยอย่างสะดวก รวมทั้งต้องการที่จะดูแลอดีตภรรยาที่กำลังเจ็บป่วยไม่มีใครดูแล จึงได้ยอมทิ้งพรรษาที่ได้บวชมานานถึง 13 พรรษา สึกจากความเป็นพระ ซึ่งเจ้าอาวาสและพระผู้ใหญ่ทั้ง 4 วัดสายธรรมยุติที่หลวงพ่ออาคมไปขอลาสิกขาบท ต่างยืนยันตรงกันว่า หลวงพ่ออาคมไม่ผิด และไม่ต้องสึกจากความเป็นพระ แต่เพราะว่าหลวงพ่ออาคม ต้องการที่จะยุติปัญหาต่าง ๆจึงได้ตัดสินใจลาสิกขาบท และได้เก็บตัวเงียบไม่สามารถที่จะติดต่อได้