อุบลราชธานี – ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีป้าวัย 62 ปีพร้อมน้องชายบุกศาลากลางจังหวัดยืนร้องไห้ ก้มกราบพื้น ถือป้ายข้อความถูกนายทุนออกเอกสารสิทธิทับที่นำไปสร้างบ้านจัดสรรขายทั้งๆที่ศาลฎีกาสั่งให้เพิกถอนก็ไม่ยอมออก วอนขอให้ ผวจ.อุบลฯช่วย
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี มีนางสว่าง สายคำพา อายุ 62 ปี และนายวิชาญ สายคำพา อายุ 54 ปี น้องชาย ชาวบ้านดงหนองหลวง หมู่ที่ 7 ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานีเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดเพื่อขอพบ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมถือป้ายระบุข้อความ “พ่อเมืองอุบลฯช่วยด้วย ป้าถูกนายทุนออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ซ้อน ศาลฎีกาตัดสินแล้วออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นโมฆะทวงความยุติธรรมคืนความสุขให้ป้าด้วย” จากนั้นก็ยืนร้องไห้ ก้มกราบพื้นบริเวณทางขึ้นศาลากลางจังหวัด ท่ามกลางชาวบ้านที่มาติดต่อราชการยืนดูด้วยความสงสาร
ต่อมามีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลฯมาพบเพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้น โดยนางสว่าง สายคำพา เล่าทั้งน้ำตานองหน้าว่าหลังจากบิดาคือนายหวาง สายคำพา ซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดินตามหนังสือจับจอง (น.ส.2) จำนวน 80 ไร่ โดยได้จับจองไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2506 ต่อมาบิดาเสียชีวิตลงเมื่อปี พ.ศ.2518 ทางบุตร 4 คน ประกอบด้วย นางสว่าง สายคำพา, นายอนิรุต สายคำพา, นายวิชาญ สายคำพา และนายสมาน สายคำพา ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอรับโอนมรดกที่ดินจำนวน 80 ไร่ และก็ได้ทำกินในที่ดินดังกล่าวมาโดยตลอด ต่อมาในปี พ.ศ.2547 ลูกๆได้ยื่นขอออก น.ส.3 ก. จากสำนักงานที่ดินอำเภอเขมราฐ และทราบจากเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินอำเภอเขมราฐว่าที่ดินส่วนหนึ่งประมาณ 40 ไร่ได้มีการออกเอกสารเป็น น.ส.3 ก แล้ว ทุกคนต่างก็ตกใจว่ามีการออกเอกสาร น.ส.3 ก.ทับซ้อนได้อย่างไร จากนั้นทาง ญาติพี่น้องจึงได้ใช้สิทธิทางกฎหมายเป็นโจทย์ ยื่นฟ้องศาลกับผู้ที่ทำเอกสารเท็จไปยื่นกับสำนักงานที่ดินออกเป็น น.ส.3 ก จำนวน 6 ราย โดยศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และ ศาลฎีกา มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2555ให้เพิกถอน น.ส. 3 ก. ที่ออกโดยมิชอบแล้ว
นางสว่าง สายคำพา เล่าต่อว่า หลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษา ทางญาติพี่น้องก็ยังไม่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับการยื่นบังคับคดีเพื่อเพิกถอน น.ส. 3 ก. ที่ออกโดยมิชอบ เพราะว่านายอนิรุต สายคำพา และนายสมาน สายคำพา น้องชาย ได้เสียชีวิตอีก นอกจากนี้ตนเองก็มีคดีความถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2551เนื่องจากหลงผิดไปรับจ้างขนยาบ้าจำนวน 12,000 เม็ด ถูกจำคุก 13 ปี 2 เดือน 15 วัน ได้พ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา เมื่อตนเองพ้นโทษออกมานายวิชาญ สายคำพา น้องชาย ก็เล่าให้ฟังว่า ที่ดินแปลงที่ถูกนายทุนออก น.ส.3 ก.ทับที่โดยมิชอบนั้น ไม่ปฎิบัติตามคำสั่งศาลฎีกา ที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้เพิกถอน น.ส. 3 ก. ที่ออกโดยมิชอบทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีการดำเนินการเข้าไปสร้างบ้าน ทำสวน ทำไร่และส่วนหนึ่งกำลังทำบ้านจัดสรรอีกด้วย ตนเองและน้องชายได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากไม่มีที่พึ่ง จึงตัดสินใจพากันเดินทางมาเพื่อร้องขอความช่วยเหลือกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ขอให้ได้สั่งการให้ สำนักงานที่ดินอำเภอเขมราฐได้เพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.ที่ออกทับซ้อนโดยมิชอบ ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาและขอให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปและขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก.ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย
ด้านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ได้สอบถามข้อมูลและก็จะดำเนินการเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาให้ความช่วยเหลือโดยจะทำหนังสือไปที่สภาทนายความ เพื่อให้ทนายความทำคำร้องแทนผู้ร้อง เพื่อไปยื่นทำคำร้องที่ศาลในการบังคับคดี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ให้เพิกถอน น.ส. 3 ก. ที่ออกโดยมิชอบต่อไป โดยมียุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานีเข้ามาช่วยในเรื่องข้อกฎหมาย