วันที่ 14เม.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งชื่อว่า “เบื่อแดด ตอนแปดโง”ได้โพสต์คลิปและรูปภาพเหตุการณ์การถูกทำร้ายรางกายลง Facebook กรณีการถูกแฟนไล่ทำร้ายร่างกาย พร้อมกับชื่อคลิปว่า “ทำเกินไปไหมไล่ตามตีเรากับลูกความเป็นคนมึงยังมีอยู่หรือเปล่า” โดยเหตุการณ์ในคลิปมีลักษณะคล้ายกับมีการลงไม้ลงมือกันเกิดขึ้น บริเวณข้างๆทางโดยเจ้าของโพสต์ดังกล่าว ได้ล้มนอนและมีผู้ชาย(คาดว่าน่าจะเป็นแฟน)ยืนด่าและต่อมาได้มีการถีบต่อหน้าต่อตา ซึ่งเหตุการในครั้งนี้ต่างเกิดความชุลมุนมีเสียงเด็กน้อยร้องไห้อยู่ตลอดเวลา จนกระทั้งมีรถของผลเมืองดีขับผ่านผู้ที่ถ่ายคลิปได้เรียกรถคันดังกล่าวให้ช่วย และผลเมืองดีคนนี้ได้จอดรถและพยายามลงมาช่วยแยกห้ามผู้ชายไม่ให้ทำร้ายร่างกาย และได้มีการเคลียร์พูดคุยกัน
คลิปดังกล่าวหลังจากที่ถูกเผยแพร่ลง Facebookทำให้ผู้คนมากมายตางวิพากวิจารย์ผู้ชายที่ก่อเหตุต่างๆนาๆและยอดแชร์เกือบทะลุ10,000แชร์เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ต่อมาเจ้าของโพสต์ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกไว้กับสภ.โชคนาสามเพื่อเข้าตามกระบวนการกฎหมายต่อไป
ล่าสุดวันที่ 15. เม.ย. 65 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับ น.ส. ปู (นามสมมุติ) (น.ส.วันนิสา กล้วยประโคน) ผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านเลขที่ 68 หมู่9 ต.ตานี อ.ปราสาท จ. สุรินทร์ ได้พบ น.ส.ปู เล่นเล่นอยู่กับลูกชาย วัย 1 ขวบ 4เดือน และแม่,ยาย,น้องสาวผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่หน้าบ้าน น.ส.ปู ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวานนี้ที่14 เม.ย. 65 ช่วงเวลา 11.00 น.ว่า ตนและอดีตสามีนั้นได้เลิกรากันไปแล้วเกือบ 1 ปี ที่เลิกนากันไปเพราะ สามีตนมีผู้หญิงคนใหม่ และมีนิสัยติดเหบ้า ขอบใช้ความรุนแรง แต่อดีสามียังคงมารับลูกไปเล่นอยู่ด้วยเสมอ จนมาวานนี้ด้านอดีตสามีตนพ่อของลูกชายได้มารับเอาลูกชายตนไปทำบุญที่วัดป่าเจ้าคุณ แถวๆบ้าน หลังจากนั้น ก็ได้มีคนโทรมาบอกตนว่า อดีตสามีตนเอาลูกไปนั่งด้วยที่วงเหล้าและมีอาการเมา ตนจึงรู้สึกเป็นห่วงลูกชายจึงตามไปที่วัด เพื่อจะรับลูกชายกลับบ้าน แต่เมื่อไปถึงที่วัด ตนก็พบแฟนสาวคนใหม่ของอดีตสามีอุ้มลูกชายตนอยู่ ตนจึงเดินเข้าไปขอลูกคืนเพื่อจะกลับเอามาบ้าน จึงเกิดมีปากเสียงกันขึ้นกับแฟนสาวคนใหม่ของอดีตสามี และมีการลงไม้ลงมือกันขึ้น จนมีคนมาห้าม และอดีตาสามีตนก็ได้เข้ามาตบและต่อว่าตนว่ามาตีคนของเขาทำไม หลังจากนั้นจึงได้แยกย้ายกันไปจากวัด จากนั้นตนจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ออกมา มารู้ตัวอีกทีว่าอดีตสามีตนได้ขับรถกระบะตามมา เหมือนจะชนท้ายรถจักรยานยนต์ของตน ตนจึงขับเร่งเครื่องเพื่อจะหนี แต่รถกระบะคันดังกล่าว ได้เร่งเครื่องปาดหน้ารถของตนและเบรคจนเกือบทำให้รถจักรยานยนต์ของตนเกือบล้ม ตนจึงจอดรถป่าข้างทาง และอดีตสามาของตนก็ลงมาจากรถกระบะ และตรงเข้ามาทำร้ายร่างกายตนอย่างที่เห็นในคลิป โดยการตบเขาที่ใบหน้าข้างซ้ายของตนอย่างแรง 2-3 ที่จนเป็นรอยแดงเลือดซิบเป็นรอยนิ้วมือและต่อยที่หน้าฝากด้ายซ้ายจนหัวปูดเขียวโน ตนไม่คิดว่า อดีตสามีจะทำร้ายตน เพราะตนนั้นก็อุ้มลูกชายเขาอยู่ แบะยังมีน้องสาวอีกคนที่ซ้อนรถจักรยายนต์กันมา แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดทำร้าย มีการถีบและกระทืบตน จนพลาดไปโดนลูกชายมีแผลที่ศีรษะและบริเวณหน้าผากของลูกชายเป็นรอยขีดข่วนจนเลือดออกและเขียวช้ำบริเวณหน้าผากของลูกชาย ตนรู้สึกเสียใจมากจึงตะโกนบอกให้คนที่ผ่านไปผ่านมา ให้เข้ามาช่วยเหลือตนและลูกชาย เพราะตนคิดว่า อาจจะถูกทำร้ายจนสาหัสได้ โชคดีที่มีรถบรรทุกผ่านมา และได้เข้าช่วยเหลือห้ามปรามไม่ให้อดีตสามีของตนทำร้ายตนไปมากกว่านี้
หลังจากนั้น ตนก็ได้เข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจโชคนาสาม อ. ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อจะดำเนินคดีกับอดีตสามีอย่างถึงที่สุด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ได้ให้ตนไปทำการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลปราสาท เพื่อนำหลักฐานการตรวจวินิจฉัยของแพทย์มาประกอบสำนวนเพื่อดำเนินคดีกับอดีตสามีของตนต่อไป
ด้านแม่ของ น.ส.ปู (ผู้เสียหาย) ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนนั้นรู้สึกเสียใจมากที่เห็นสภาพลูกสาวตนเป็นเช่นนี้ และทางด้านอดีตสามีของลูกสาวตนนั้นก็มักจะ ชอบทำร้ายร่างกายลูกสาวตนเองเป็นประจำ ชอบดื่มเหล้าและใช้ความรุรแรงเสมอ ตนมีความรู้สึกว่าอยากจะให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุดเพราะที่ผ่านมานั้นถูกทำร้ายร่างกายอยู่เสมอ และหลังจากลูกสาวตัวเองโพสคลิปลงไปอดีตลูกเขยตนนั้นก็ได้เข้ามาต่อว่าและบอกว่าจะฟ้องคนที่มาแชร์คลิปทั้งหมด และสำนักข่าวที่เอาคลิปของตนไปลงในโซเชียลอีกด้วย
จากการสัมภาษณ์นางสาวปูอยู่นั้น ก็ได้มีโทรศัพท์เข้ามาหานางสาวปูผู้เสียหาย ปลายสายเป็นเป็น เจ้าหน้าพมจ.จังหวัดสุรินทร์ ทาง พมจ.จังหวัดสุรินทร์ ได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางสาวปู และได้พูดคุยเพื่อจะเข้ามาทำการช่วยเหลือนางสาวปูและลูกชายต่อไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรไปพูดคุยกับนาย นาย กิตติภูมิ บูรณะ อายุ 31ปี (อดีตสามีผู้ก่อเหตุ) เล่าว่า วันที่เกิดเหตุการณ์ตนให้แม่ไปเอาลูกชายมาเลี้ยงเนื่องจากตนทำงานอยู่แต่ต่างจังหวัดไม่ค่อยได้กลับบ้านและได้ตกลงกับภรรยาคนเก่า (ผู้ถูกทำร้ายร่างกาย) ว่าจะให้ภรรยาคนเก่านำลูกกลับไปคืนในช่วงบ่าย แต่ตนก็ไปงานวัดมีการจัดงานผ้าป่า และแฟนใหม่ของตนเป็นคนอุ้มลูก ต่อมาลูกชายอยากนอนโดยตนให้พี่ชายมาส่งในวัด และอุ้มลูกอยู่หน้ารถให้ลูกกินนมนอน และภรรยาคนเก่ามาเห็นและได้เข้ามากระชากดึงแขนลูกไปซึ่งภรรยาคนใหม่เกรงว่าลูกจะเจ็บเลยปล่อยแขนลูก หลังจากนั้นก็มีการตบภรรยาคนใหม่ของตนในรถเลย และมีน้องสาวของภรรยาคนเก่าจะเข้ามาช่วยโดยการจะจับล็อคคอภรรยาคนใหม่ และพี่ชายของตนยืนอยู่หน้ารถเห็นเหตุการณ์จึงวิ่งเข้าไปดึงแขนไว้ทันซึ่งตนมีความรู้สึ่กว่ายังไงก็ต้องมีเรื่องแน่ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั่งแฟนและแฟนใหม่ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันและคุยกันตามปกติ หลังจากนั้นตนก็เลยฟิวส์ขาดเกิดความโมโหขับรถไล่ตามจนมีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น และตนยอมรับผิดทุกอย่างและรู้สึกผิดและอยากกราบขอโทษสังคมกับสิ่งที่เกิดขึ้น