สืบเนื่องจากวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี(กกล.ฯ) โดย หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 (ฉก.ทพ.21) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ณรงค์ สวนแก้ว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 (ผบ.พล.ร.3)/ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (ผบ.กกล.ฯ),พ.อ.สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1(ผบ.บก.ควบคุมที่ 1)/ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3) และ พ.อ.อุทัย นิลเนตร ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21(ผบ.กรม ทพ.21)/ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 (ผบ.ฉก.ทพ.21) ได้บูรณาการด้านการข่าวในพื้นที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม หลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดจากขบวนการค้ายาจากประเทศเพื่อนบ้านข้ามมายังฝั่งประเทศไทย ตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย ฉก.ทพ.21
กกล.สุรศักดิ์มนตรี จึงได้บูรณาการร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2108 ( ร้อย.ทพ.2108) หน่วยเฉพาะกิจที่ 21 (ฉก.ทพ.21) นำโดย ร.ต.วันชาติ เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2108 (ผบ.ร้อย.ทพ.2108) ร่วมกับสถานีเรือบ้านแพง (สน.เรือฯ) หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม (นรข.เขตฯ), ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว (QRF), ตชด.2373,ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.บ้านแพง เข้าปฏิบัติการซุ่มในพื้นที่จุดเสี่ยง จุดล่อแหลมสำคัญตามภูมิประเทศ
กระทั่งเวลา 21.50 น. พบชายฉกรรจ์จำนวน 2 คน ไม่ทราบสัญชาติ เดินแบกสิ่งของลัดทุ่งนามาตามชายป่าบริเวณบ้านม่วงชี หมู่ 4 ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เพื่อมุ่งหน้ามายังทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 212 ซึ่งกำลังมีการขยายช่องทางจราจรจาก 2 เลนเป็น 4 เลน ชุดปฏิบัติการที่ได้วางจุดเฝ้าซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าว จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ชายทั้งสองได้ทิ้งกระสอบต้องสงสัย วิ่งหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดล้อมพื้นที่ซึ่งคาดว่าผู้ต้องสงสัยหลบซ่อนตัว
ชุดปฏิบัติการใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถทำการควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้ทั้ง 2 คนขณะนอนราบลงกับพื้นในพุ่มไม้ และเข้าตรวจสอบสิ่งของพบตะกร้าพลาสติกสานซึ่งภายในบรรจุยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระสอบสีเหลือง ตรวจนับเบื้องต้นได้จำนวน 49 มัด ประมาณ 98,000 เม็ด จึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดนำกลับไปที่ บก.ร้อย.ทพ.2108 เพื่อทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม
ผู้ต้องหาทั้งสองทราบต่อมาว่าชื่อ ท้าวเสือ อ้วนแก้ว อายุ 21 ปี และ ท้าวน้อย อ้วนแก้ว อายุ 24 ปี โดยให้การว่าเป็นราษฎรบ้านดอน เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ ประเทศลาว ท้าวน้อยเล่าว่าช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. ท้าวค่อล่อซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันโทรศัพท์มาบอกว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดข้ามมายังเครือข่ายฝั่งไทย ตนจึงชวนท้าวเสือซึ่งเป็นญาติกันร่วมทำงานครั้งนี้ด้วย โดยจะได้ค่าจ้างหลังเสร็จงานคนละ 10,000 บาท ท้าวค่อล่อเป็นผู้นำยาเสพติดใส่เรือแล้วช่วยกันพายเรือข้ามมายังฝั่งไทย บริเวณหาดทรายบ้านท่าลาด หมู่ 9 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยท้าวค่อล่อส่งผู้ต้องหาถึงฝั่งแล้วก็พายเรือกลับ พร้อมบอกว่าเสร็จงานเมื่อไหร่ให้โทรหา
ท้าวน้อยกับท้าวเสือจึงช่วยกันแบกกระสอบยาเสพติดเดินขึ้นมาตามเส้นทางที่นัดหมายคือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (บ้านแพง-นครพนม) โดยมีเครือข่ายเป็นหญิงจะขับรถยนต์มารับยาเสพติดตรงจุดนัดหมายคือบ้านม่วงชี หมู่ 4 ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จ.นครพนม แต่ถูกชุดปฏิบัติการซุ่มจับกุมตัวได้ดังกล่าว ซึ่งหญิงที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างนั้นเจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่าเป็นใคร อยู่ในขั้นตอนของกฎหมายที่จะจับกุมตัวมาขยายผลต่อไป
นอกจากนี้ท้าวน้อยยังให้การรับสารภาพอีกว่า ก่อนถูกจับกุมได้ทำมาแล้ว 2 ครั้ง ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 65 ร่วมกับเพื่อนชาวลาวลำเลียงยาเสพติดจำนวน 1 กระสอบมาส่งให้เครือข่ายฝั่งไทย รับค่าจ้างคนละ 3,000 บาท ครั้งที่สองเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 65 ร่วมกับเพื่อนชุดเดิมได้ขนยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งไทย เป็นยาบ้า 220,000 เม็ด และเพื่อนสองคนถูกจับกุมตัวได้ส่วนตนหลบหนีทัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามก็จบเห่โดนรวบตัวพร้อมของกลางเกือบ 100,000 เม็ด
ส่วนท้าวเสือไม่เคยทำงานลำเลียงยาเสพติดมาก่อน มีอาชีพทำนาและปลูกมันสำปะหลัง ถูกท้าวน้อยที่เป็นญาติกันชักชวนและเห็นว่าค่าจ้างสูงจึงยอมทำงานครั้งนี้ด้วย โดยได้โทรศัพท์หาหญิงคนหนึ่งที่เป็นคนไทย เพื่อนัดจุดส่งยาบ้ากันบริเวณใกล้กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (บ้านแพง-นครพนม) ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองโดยเฉพาะท้าวน้อยยังปิดบังข้อมูลบางอย่าง เพราะหากเปิดเผยเครือข่ายร่วมถึงชื่อนายทุนที่เป็นคนไทย ครอบครัวอาจจะไม่ปลอดภัย ส่วนยาบ้าล๊อตนี้ในเชิงลึกเป็นของผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียงทำมาแล้วหลายครั้ง มีรายชื่ออยู่ในสารบบของหน่วยงานความมั่นคงหมดแล้ว