นายวิชาญ ซาตัน เกษตรอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า วนเกษตรเป็นการปลูกพืชหลาย ๆ อย่างที่ไม่มีรูปแบบตายตัว แต่มีทุกอย่างในพื้นที่ ซึ่งทุกคนจะเกิดคำถามว่าปลูกแบบนี้แล้วได้อะไร เพื่ออะไร แต่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึงว่า การทำในลักษณะนี้มีผลสะท้อนกลับมามากมายมหาศาลเกินที่จะบรรยาย เพราะการทำแบบวนเกษตรจะให้ผลผลิต ทั้งระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาวในอนาคต 30-40 ปีขึ้นไป ซึ่งในตอนนั้นเกษตรกร อาจจะมีอายุมาก 70 – 80 ปีแล้ว แต่ยังจะมีรายได้ โดยมีความสุข ได้อยู่กับต้นไม้และธรรมชาติที่ร่มรื่น
ด้านนายจักรวาล กิตติโชคมนตรี เกษตรกรบ้านโพนแพง ตำบลพระซอง อำเภอนาแก กล่าวว่า ตนเองมีสวนอยู่ 53 ไร่ โดยจะแยกส่วนการปลูกพืช คือไม้ผลแค่ 3 ไร่ นอกนั้นปลูกป่าหมด เพราะมองว่าป่าทำทีเดียวแล้วจบไม่ต้องมาทำซ้ำเหมือนทำนา ปลูกข้าว ปลูกผักกาด ที่เก็บผลผลิต แล้วก็ไถ แล้วก็ปลูกใหม่ วนซ้ำอยู่อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ที่สำคัญคือปลูกป่านนั้นทำง่าย ซึ่งก็มีคนถามว่าปลูกป่าแล้วจะกินอะไร ตนเองจึงอยากให้มาดู จะได้เห็นว่าได้กินอะไร เพราะในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนสิงหาคมจะเห็นว่ามีเห็ดเกิดขึ้นมาเยอะมาก ทั้งเห็ดดิน เห็ดระโงก เห็ดตะไค และเห็ดปลวก ทุกวันนี้ถ้าเราเดินไปในสวนก็จะเห็นไข่มดแดง โดยหลัก ๆ ที่ตนเองปลูกพืชจะเน้นปลูกมะม่วง เพราะมองว่าใบไม่ค่อยร่วงและถ้าในอนาคตตนเองไม่มีแรงที่จะทาบกิ่งขาย หรือมาตอนต้นพันธุ์ขาย ใบมะม่วงที่ไม่ร่วงจะเป็นรังให้กับมดแดงได้เป็นอย่างดี สังเกตจากทุกวันนี้ที่มีการแหย่ไข่มดแดง 4 ต้นจะได้ไข่มดแดง 1 กิโลกรัม ถ้ามีประมาณ 1,000 ต้น ก็ลองคำนวณเอาว่าจะได้เยอะขนาดไหน ที่สำคัญคือไข่มดแดงไม่ใช่ราคาถูก ๆ ซึ่งก็ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่การขายฝัน แต่เป็นเรื่องจริงที่สัมผัสได้ นอกจากนี้ก็ยังมีความสุข เพราะเราได้ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ
สำหรับการทำการเกษตร ยากที่สุดยากกว่าการดูแลต้นไม้ คือ การตัดสินใจลงมือทำในตอนแรก ซึ่งก็ต้องบอกว่าการทำครั้งแรกของตัวเองก็มีปัญหาเพราะพื้นที่ของเราอยู่ท้ายหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ ดังนั้นเมื่อปลูกแล้วก็ต้องไปหิ้วน้ำในหนองมารดน้ำต้นไม้ ซึ่งก็ค่อย ๆ ปรับปรุงมาเรื่อย เพราตนเองอยากจะทำให้ทุกคนเห็นว่า การทำเกษตรสามารถอยู่ได้จริง ๆ