เกิดเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลตำบลหนองสอ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์วอด 2 หลัง เจ้าของบ้านช็อคเป็นลมห้ามส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กำชับเร่งให้การช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 17 มีนาคม 2563 ร.ต.อ.เทอดศักด์ นิตุทอน ร้อยเวร สภ.ลำปาว อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชนที่บ้านหนองสอ ม.6 ต.หนองสอ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หลังรับแจ้งจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลตำบลหนองสอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียง เข้าทำการควบคุมเพลิงและเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยนายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์
โดยที่เกิดเหตุอยู่ตรงข้ามกับตลาดสดเทศบาลตำบลหนองสอ ซึ่งเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านเลขที่ 80 เป็นบ้านสองชั้นกึ่งปูนกึ่งไม้ มีนางชนกภรณ์ บุญโชค อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งเพลิงได้เผาวอดทั้งหลังและลามไปยังหลังที่สอง ซึ่งอยู่ติดกันเป็นบ้านของนายสวัสดิ์ ปรีแผ้ว อายุ 66 ปี ซึ่งเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่บ้านทั้งสองหลังก็ถูกไฟไหม้และทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ช่วงระหว่างเกิดเหตุนางชนกภรณ์ บุญโชค เจ้าของบ้านหลังแรกที่ถูกไฟไหม้ และนางสำอาง ปรีแผ้ว ภรรยานายสวัสดิ์ ตกใจจนช็อคเป็นลมหมดสติ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว
สอบถามนายสมาน อิ่มรักษา อายุ 60 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงประทัด บริเวณชั้น 2 บ้านของ นางชนกภรณ์ จากนั้นก็เห็นควันไฟพายพุ่งออกมา เจ้าของบ้านได้ตะโกนเรียกลูชายและชาวบ้านไปช่วย แต่ไฟไดไหม้ลามไปยังตู้เสื้อผ้าแล้ว จึงไม่สามารถดับไฟได้ จึงรีบแจ้งหน้าที่มาช่วยดับเพลิง ก่อนที่ไฟจะลุกลามไหม้บ้านทั้งสองหลังเหลือแต่เสา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ประกอบกับบริเวณชั้นสองของบ้านทั้งสองหลังเป็นไม้ จึงเป็นเชื้อเพลิงทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการเข้าทำการตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้หลังเกิดเหตุนายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้กำชับให้นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และเทศบาลตำบลหนองสอเร่งให้การช่วยเหลือจัดหาที่พักอาศัยชั่วคราวและเครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยทั้ง 2 ครอบครัว