ชาวบ้านจากหลายอำเภอในจังหวัดกาฬสินธุ์ นำหมายศาลร้องขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อ้างถูกนายทุนเงินกู้ส่งฟ้องศาล เหตุไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ตั้งแต่ปี 2558 ทั้งๆที่เคลียร์เรื่องจบจ่ายเงินคืนโฉนดเรียบร้อยแล้วรับกับมือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2561 แต่ยังมีการทวงหนี้และส่งฟ้องศาลจากนายทุนรายเดิม
ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ ชาวบ้านจำนวน 10 คน นำโดยนางอภิรุจี นุครุน บ้านเลขที่ 72 หมู่ 8 ต.ดงพยุง อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ นางสมศิลป์ ชินคีรี บ้านเลขที่ 60 หมู่ 4 ต.ลำห้วยหลัว อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ และนางนงเยาว์ กมลเรือง บ้านถ้ำปลา หมู่ 3 ต.สหัสขันธ์ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งทั้งหมด อ้างว่าตกเป็นจำเลยจากการส่งฟ้องศาลที่มีนายทุนเงินกู้รายหนึ่ง ใน อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง โดยให้มารับฟังข้อกล่าวหาผิดสัญญาเงินกู้ โดยมีนายสนุน แจะหอม นิติกรประจำศูนย์ดำรงธรรม ได้ให้คำปรึกษาเบื้องต้นแก่ชาวบ้านที่มาร้องเรียน
นางอภิรุจี นุครุน กล่าวว่า ตนได้รับหมายศาลดังกล่าวแล้วรู้สึกตกใจและแปลกใจมาก เนื่องจากโจทก์ที่เป็นคนยื่นฟ้อง เป็นนายทุนเงินกู้รายเดียวกับที่ตนเคยนำโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้เมื่อปี 2558 ซึ่งในครั้งนั้นไปทำสัญญากู้มาจำนวน 50,000 บาท โดยถูกหักเงินต้นในวันทำสัญญาร้อยละ 5 ซึ่งนอกเหนือจากคิดดอกเบี้ยรายเดือนอีกอัตราหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หนี้สินและเงินกู้ก้อนนั้น ก็ได้เคลียร์จบสิ้นแล้ว สมัย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีมอบคืนโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชน ตามโครงการคืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 ที่สนามหน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า)
นางอภิรุจี กล่าวอีกว่า แต่ต่อมาเมื่อเร็วๆนี้ตนกลับได้รับหมายศาลโดยนายทุนรายเดิมเป็นโจทก์ฟ้อง ข้อหาเดิม จำนวนเงินกู้เท่าเดิม ทั้งๆที่ไม่ได้ไปทำสัญญากู้เงินกับนายทุนรายนี้อีก จึงรู้สึกตกใจและแปลกใจ ในช่วงนี้เอง ก็มีเพื่อนบ้านที่เคยเป็นลูกหนี้นายทุนรายดังกล่าว โทรมาสอบถาม และแจ้งว่าได้รับหมายศาลเช่นกัน ข้อหาเดียวกัน และวันต่อๆมา ก็มีหลายคนโทรมาสอบถาม ว่าประสบปัญหาเดียวกันกับตน ด้วยความสงสัย และไม่สบายใจ จึงได้รวมตัวกันมาขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์
ด้านนางสมศิลป์ ชินคีรี กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ตนและทุกคนที่ได้รับหมายศาล ไม่เข้าใจเหมือนกันว่านายทุนมีเจตนาอะไร ถึงได้ส่งฟ้องศาลอีก ทั้งๆที่เรื่องจบกันไปแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว ระหว่างพวกตนกับนายทุนรายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เรื่องฟ้องร้องที่เกิดขึ้นในรอบนี้ ไม่ว่าจะเกิดจากอะไรก็ตาม ก็สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับพวกตนเป็นอย่างมาก ว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า โดยยืนยันว่าหลังจากเคลียร์หนี้สินเดิมที่ไปกู้เมื่อปี 2558 แล้ว ไม่เคยไปกู้เงินอีกเลย แต่กลับได้รับหมายศาลจากนายทุนรายเดิมอีก จึงเกิดความสงสัยและเป็นทุกข์ใจ เพราะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ฐานะยากจน ซ้ำยังจะมาถูกหมายศาลเรียกขึ้นศาลอีก
นางสมศิลป์ กล่าวอีกว่า อาจจะเป็นเพราะความไม่รู้เท่าถึงการณ์ของตนและลูกหนี้ที่ถูกฟ้อง เพราะตอนที่ไปทำสัญญากู้เมื่อปี 2558 นั้น ไม่ได้อ่านรายละเอียดในเอกสารสัญญากู้ เห็นเขาให้ลงชื่อรับรอง ก็ลงชื่อไปในเอกสารหลายแผ่น บางคนบอกว่าเป็นสัญญาลอย โดยตอนนั้นตนนำโฉนดที่ดินไปยื่นกู้จากนายทุนรายดังกล่าวจำนวน 30,000 บาท ถูกหักในวันทำสัญญาร้อยละ 5 เหมือนกันทุกคน แต่อาจจะส่งคืนทั้งต้นทั้งดอกเบี้ยไม่เหมือนกัน บางคนกำหนดส่ง 20 งวด บางคน 30 งวด ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีชาวบ้านได้รับหมายศาลและได้รับความเดือดร้อนเป็นร้อยๆคน ก็เท่ากับว่าตอนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานคืนโฉนดและเคลียร์หนี้สินให้ ไม่มีความหมายอย่างนั้นหรือ จึงได้พากันมาขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมดังกล่าว
ด้านนายสนุน แจะหอม นิติกร ประจำศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากสอบถามชาวบ้านที่มาร้องเรียน ทราบว่า กำหนดขึ้นศาลในเร็วๆนี้ หลายคนได้จัดหาทนายความเพื่อสู้คดีในชั้นศาลแล้ว หากใครที่ยังไม่ได้ตั้งทนายความ สามารถมาปรึกษาที่ศูนย์ดำรงธรรมหรือยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ชาวบ้านใจเย็นๆเมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายไปก่อน และทุกอย่างอยู่ในดุลยพินิจของศาล