ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดกาฬสินธุ์ และส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินของเกษตรกลุ่มผู้ปลูกฟักทอง ตามโครงการ Kalasin Green Market พร้อมให้องค์ความรู้ ต่อยอดผลผลิต สร้างงาน สร้างรายได้ แก้ไขปัญหาว่างงานหน้าแล้ง และเป็นแหล่งสร้างอาชีพรองรับให้กับแรงงานคืนถิ่นในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่สวนธรรมรัตน์ บ้านหนองริวหนัง หมู่ 5 ต.ลำหนองแสน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายวรพล ภูภักดี เกษตรและสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ น.ส.ศุภลักษณ์ แร่เพ็ชร์ สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ และส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานของเกษตรกรกลุ่มผู้ปลูกฟักทอง ที่ดำเนินการจัดตั้งเป็นสหกรณ์ โดยมีนายสัญญพงศ์ ศิริเรืองวัฒนา ปลัดอาวุโสอำเภอหนองกุงศรี นายอภิชาติ เสริมพงษ์ เกษตรอำเภอหนองกุงศรี น.ส.ชญาภา ธรรมรัตน์ ประธานสหกรณ์การเกษตรก้าวแสน จำกัด และเกษตรกรร่วมต้อนรับและให้ข้อมูล
นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่ทาง จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้การส่งเสริมเกษตรกรทำการเกษตรปลอดภัยตามโครงการ Kalasin Green Market เน้นผลผลิตคุณภาพ ปลอดการใช้สารเคมี เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 ผลผลิตเป็นรูปธรรมในปี 2562 ซึ่งผลงานของเกษตรกรกลุ่มผู้ปลูกฟักทอง ต.ลำหนองแสน อ.หนองกุงศรี ที่รวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสหกรณ์การเกษตรก้าวแสน จำกัด ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลผลิตทางการเกษตร (ฟักทอง) จากสมาชิก และส่งจำหน่ายให้ ห้างเทสโก้ โลตัส โรงพยาบาล และตลาดในชุมชน เป็นกลุ่มที่มีความเข้มแข็ง สร้างรายได้ให้กับสมาชิกกกลุ่มเป็นอย่างดี
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า เพื่อการดำเนินงานของกลุ่มมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น และเป็นอาชีพที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืน จึงได้แนะแนวทางสร้างองค์ความรู้ มีการพัฒนาต่อยอดผลผลิต การแปรรูป แผนการส่งเสริมการปลูกฟักทองให้ผ่านมาตรฐาน GAP ซึ่งสมาชิกมีความต้องการโรงคัดเกรดฟักทองให้ได้มาตรฐาน โดยใช้เครื่องคัดเกรดอัตโนมัติ เนื่องจากปัจจุบันต้องนำฟักทองที่รวบรวมจากสมาชิกไปคัดเกรดที่โรงคัดเกรดที่ จ.ขอนแก่น ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ไม่สะดวกหลายด้าน เช่น ทุกคนต้องปฏิบัติตนตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ อย่างเคร่งครัด ทำให้มีข้อจำกัดระยะห่างระหว่างบุคคล การเดินทาง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ธุรกิจหรือการค้าขายหลายภาคส่วน จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรควิด-19 แต่ผลผลิตของกลุ่มเกษตรผู้ปลูกฟักทองยังไม่กระทบ เพราะมีตลาดชัดเจน โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าใหญ่ และยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกจำนวนมาก นอกจากนี้การเพราะปลูกฟักทองยังเป็นอาชีพอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถรองรับกลุ่มแรงงานที่เดินทางกลับบ้านในช่วงการแพร่ระบาดโรคติดต่อไวรัสโควิด-19 หลังจากกักตัวเองผ่านพ้น 14 วันได้อีกด้วย
ด้านนางทองปาน ธรรมรัตน์ ที่ปรึกษาสหกรณ์การเกษตรก้าวแสน จำกัด กล่าวว่า เดิมในฤดูแล้งตนและเพื่อนบ้านจะปลูกข้าวโพด แต่ผลผลิตตกต่ำ ไม่คุ้มทุน น้ำไม่พียงพอ เนื่องจากอยู่นอกเขตชลประทาน การเกษตรต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก จึงหันมาปลูกฟักทอง ซึ่งเป็นพืชทนแล้ง ต้องการน้ำน้อย ดูแลง่าย ศัตรูพืชไม่รบกวน จึงปลอดจากการใช้สารเคมี โดยรวมกลุ่มเพื่อนเกษตรกร ทำการเกษตรแปลงใหญ่ ตามโครงการ Kalasin Green Market ทั้งนี้ มีสำนักงานเกษตร อ.หนองกุงศรี ให้การส่งเสริม ต่อมามีภาคเอกชนเข้ามารับซื้อผลผลิต มีประกันราคาชัดเจน จึงมีการรวมกลุ่มสมาชิกเป็นสหกรณ์การเกษตรก้าวแสน จำกัด
นางทองปาน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสหกรณ์การเกษตรก้าวแสน จำกัด มีสมาชิก 32 ราย พื้นที่ 52 ไร่ ให้ผลผลิตแล้ว 38 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 3 ตัน/ไร่ ผลผลิตออกสู่ตลาดตลอดปี ปัจจุบันผลิตฟักทองได้ประมาณ 30 ตัน รับซื้อจากสมาชิก ก.ก.ละ 8 บาท ขายส่งห้างสรรพสินค้าโลตัสขอนแก่น ก.ก.ละ 10.50 บาท และโรงพยาบาล โรงเรียน ตลาดนัดชุมชน โดยฟักทองลูกที่น้ำหนักเกิน 4.5 ก.ก.จำหน่าย ก.ก.ละ 10-15 บาท ขณะที่น้ำหนัก 2.5 ก.ก. จำหน่าย ก.ก.ละ 5 บาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีแรงงานคืนถิ่นในพื้นที่ อ.หนองกุงศรี เดินทางจากกรุงเทพฯและเขตปริมณฑลประมาณ 700 ราย และกักกันตัวเอง 14 วัน โดยแยกตัวเองอยู่ตามสวน ที่นา ทั้งนี้ จากความสำเร็จของการปลูกฟักทองดังกล่าว จึงจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการขยายพื้นที่ปลูกฟักทอง เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับแรงงานกลุ่มนี้อีกด้วย