บรรดาผู้สูงอายุที่จังหวัดกาฬสินธุ์ สุดเหงาใจ เหตุโรคโควิด-19 ยังแพร่ระบาด ทำให้ไม่ได้พบหน้าลูกหลาน ที่ไปทำงานกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งเคยกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เผยยังเป็นผลดีที่จะได้ไม่เสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุ และติดเชื้อโควิด-19 ทั้งยังไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอีกด้วย
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงเคอร์ฟิว และอยู่ในช่วงเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พบว่าประชาชน และชาวบ้านทั่วไป ปฏิบัติตนตามมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่ออย่างเคร่งครัด ทั้งอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล เป็นต้น
นายไสว ทับธานี อายุ 76 ปี บ้านเลขที่ 201 หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนอยู่บ้านคนเดียว เนื่องจากลูกหลานไปทำงานที่กรุงเทพฯ บางคนไปมีครอบครัวและทำงานอยู่ต่างจังหวัด ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกๆปีที่ผ่านมา ลูกสาว ลูกชาย จะพาลูกๆหลานๆมาเยี่ยม พร้อมกับมีเสื้อผ้าตัวใหม่มาฝากปู่ ทำให้มีความสุขกันตามประสาชาวบ้าน นอกจากนี้ยังได้ร่วมทำบุญตามประเพณีต้อนรับปีใหม่ของขนบธรรมเนียมไทย แต่เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ที่ทางการห้ามมีการเคลื่อนย้ายบุคคล งดการเดินทาง และข้อห้ามต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 จึงจะทำให้ไม่มีโอกาสพบหน้าลูกหลาน ไม่ได้รดน้ำอวยพรให้กันเหมือนเคย ก็ได้แต่ส่งความคิดถึง และโทรศัพท์ติดต่อกัน โดยอวยพรให้ลูกหลานเพิ่มความระวัดระวังในการดำเนินชีวิต เพื่อให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ซึ่งได้แต่ปลอบใจและให้กำลังใจซึ่งกันและกันว่า รอโอกาสหน้าฟ้าใหม่ หลังสถานการณ์ของโรคคลี่คลาย จึงจะได้มาพบกัน
ด้านนายนิวาส คำฤาเดช อายุ 67 ปี หมู่ 19 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ลูกสาวและลูกเขยทำงานที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเหตุทำให้ลูกสาว ลูกเขย เดินทางมาเยี่ยมบ้านไม่ได้ ซึ่งผลกระทบและเป็นปัญหาที่ตามมาอีกคือ สถานประกอบการที่ลูกสาวลูกเขยทำงานอยู่หยุดกิจการชั่วคราว ตามประกาศของราชการ ทำขาดรายได้ ขณะที่มีรายจ่ายค่าครองชีพทุกวัน ด้วยความรักลูก ตนจึงได้ส่งอาหารแห้ง ข้าวสารไปให้ โดยส่งทางเคอรี่บ้าง ทางพัสดุไปรษณีย์บ้าง เพื่อให้ลูกไม่ขาดแคลนอาหาร และเดือดร้อนด้านค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ถึงแม้ค่าฝากส่งจะสูงครั้งละ 500-1,600 บาท ก็ยอม เพราะเป็นเรื่องจำเป็น และเป็นห่วงลูกมาก ทั้งนี้ ก็รู้สึกผิดหวังและเหงามาก ที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่ได้พบหน้าลูก โดยติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์ และวีดีโอคอลหากัน ก็ช่วยผ่อยคลายความคิดถึงบ้าง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้สูงอายุที่ จ.กาฬสินธุ์ จะรู้สึกเหงา ที่จะไม่ได้พบหน้าลูกหลานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ทุกคนก็มีความรู้สึกที่ดี ที่ลูกหลานไม่ได้เดินทาง เพราะจะได้ปลอดภัยจากการประสบอุบัติเหตุ และไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 นอกจากนี้ ยังทำให้ประหยัดรายจ่ายจากการเดินทาง และไม่ได้สิ้นเปลืองค่าดื่มกินฉลองในช่วงสงกรานต์อีกด้วย