ศรีสะเกษ หาดบ้านแก้งเหลือแต่ชื่อน้ำท่วมถึงคอสะพานแม่น้ำมูล ชาวแพขายอาหารต้องนำเอาเชือกมาผูกแพติดกับต้นยางใหญ่ไม่ให้แพลอยไปตามน้ำ ขณะที่ชาวนาเศร้าน้ำท่วมนาข้าว 2 ปีซ้อนไม่มีข้าวกิน
เมื่อวันที่ 9 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำมูล ต.กุดเมืองฮาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหาดบ้านแก้ง สถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ มีแพจำหน่ายอาหารจำนวนมากให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ ปรากฏว่าน้ำจากแม่น้ำมูลได้เอ่อล้นไหลทะลักท่วมหาดบ้านแก้ง ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านและแพจำหน่ายอาหารถูกน้ำท่วม บรรดาเจ้าของแพต้องพากันนำเอาเชือกมาผูกกับแพของตน แล้วนำเอาไปโยงกับต้นยางใหญ่ที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติจำนวนมาก เพื่อดึงแพเอาไว้ ไม่ให้ไหลไปตามน้ำ ส่วนบ้านเรือนหลายสิบหลังถูกน้ำท่วมเห็นแต่หลังคาบ้าน โดยขณะนี้ระดับน้ำท่วมถึงคอสะพานบ้านแก้งแล้ว ชาวบ้านต้องพากันนำเอาข้าวของและสัตว์เลี้ยงขึ้นมาอยู่บริเวณคอสะพานบ้านแก้ง ส่วนชาวบ้านคนใดมีญาติพี่น้องอยู่ในบ้านแก้งหรือหมู่บ้านต่างๆ ก็จะพากันอพยพไปอยู่ที่บ้านเรือนของญาติพี่น้องเป็นการชั่วคราว
นางชัย แก้วคำ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 หมู่ 4 บ้านแก้ง ต.กุดเมืองฮาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารอยู่บริเวณทางลงหาดบ้านแก้ง กล่าวว่า น้ำจากแม่น้ำมูลไหลท่วมขึ้นมาเร็วมาก ตนและครอบครัวไม่สามารถที่จะเก็บข้าวของได้ทัน ทำให้ข้าวของเครื่องใช้และอุปกรณ์การขายอาหารถูกน้ำท่วมลอยไปตามน้ำเสียหายจำนวนหนึ่ง ตนกับครอบครัวต้องพากันหอบเอาข้าวของที่เก็บขึ้นมาพักอาศัยอยู่บริเวณคอสะพานแม่น้ำมูลที่ขณะนี้ระดับน้ำกำลังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนนาข้าวของตน จำนวน 11 ไร่ ถูกน้ำท่วมถึง 2 ปีติดต่อกัน ไม่เคยได้เกี่ยวข้าวเลย ปีนี้ก็คงจะไม่มีข้าวกินอีกแล้ว ต้องซื้อข้าวกินเหมือนปีที่แล้ว ทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนมาก
ทางด้าน นายเสงี่ยม ติกาพันธ์ อายุ 43 ปี เจ้าของแพศรีสะเกษกุ้งเผาหาดบ้านแก้ง กล่าวว่า ปีนี้น้ำท่วมเร็วมาก ตนต้องนำเอารถปิคอัพมามัดแพอาหารเอาไว้ จากนั้นใช้รถปิคอัพดึงเชือกที่ผูกแพขึ้นมามัดติดกับต้นยางใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้แพลอยไปตามน้ำ ขณะเดียวกันโรงจอดรถ อุปกรณ์การประกอบอาหารจำหน่ายและร้านค้าที่อยู่ริมหาดบ้านแก้ง ถูกน้ำพัดพังเสียหาย อุปกรณ์ลอยตามน้ำจำนวนมาก พวกตนต้องคอยอยู่เฝ้ารักษาแพ เนื่องจากเกรงว่าแพที่ลงทุนไปเป็นเงินจำนวนมาก จะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมมากกว่าเดิม ซึ่งขณะนี้พวกตนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาให้การช่วยเหลือด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ชาวบ้านบางส่วนขาดถังน้ำที่จะมาทำเป็นแพ เพื่อพยุงแพไม่ให้แพจมน้ำ และชาวบ้านบางคนที่หนีน้ำท่วมขึ้นมาอยู่ริมถนนขาดถังน้ำมาทำเป็นเรือนแพพักอาศัยชั่วคราว รวมทั้งขาดแคลนอาหารและเครื่องดื่มจำนวนมาก