ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 กาฬสินธุ์ เรียกประชุมเข้มผู้บริหารสถานศึกษา เตรียมความพร้อมเปิดเรียนภายใต้สถานการณ์โรคติดเชื้อ COVID -19 พร้อมกำชับครูยึดระเบียบวินัยและจริยธรรมป้องกันปัญหาคุกคามทางเพศครูกับนักเรียนหญิง
ที่ห้องประชุมโปงลาง ชั้น 3 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 24 กาฬสินธุ์ นายทวี ทะนอก ผู้อำนวยการ สพม. เขต 24 เป็นประธานประชุมผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัด สพม.เขต 24 จำนวน 55 แห่ง เพื่อเตรียมความพร้อมในเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 นี้ โดยมีนายสงกรานต์ พันธ์โนราช ผอ.ร.ร.กาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ นายเอกรักษ์ สารปรัง ผอ.ร.ร.อนุกูลนารี นายธวัชชัย สำราญวงศ์ ผอ.ร.ร.ห้วยเม็กวิทยาคม และผู้บริหาร บุคลากรทางการศึกษา ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ก่อนเข้าห้องประชุม และในส่วนของการการประชุม ทุกคนได้ปฏิบัติตามมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่ออย่างเคร่งครัด โดยมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่าง เป็นต้น
นายทวี ทะนอก ผู้อำนวยการ สพม.เขต 24 กล่าวว่า ตามที่ทางรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประกาศให้ทำเปิดการเรียนการสอน ปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ที่จะถึงนี้ ซึ่งยังอยู่ภายใต้สถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19ยังมีการแพร่ระบาด ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในทุกๆด้าน ทั้งตัวบุคลากร ครู อาจารย์ สื่อการเรียนการสอน รวมทั้งเวชภัณฑ์ ป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 จึงได้มีการจัดประชุมผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรในสังกัด สพม.เขต 24 ขึ้น
นายทวี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นสำคัญที่ได้กำชับผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา คือจริยธรรมและจิตสำนึกของความเป็นครู ตลอดทั้งระเบียบวินัยของครู เด็กนักเรียน ที่ต้องเคร่งครัด เป็นไปตามระเบียบที่ สพฐ.และทางโรงเรียนกำหนดไว้ ทั้งในส่วนของกิริยา วาจา ความประพฤติทั้งในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา โดยเฉพาะการแต่งกาย การใช้สื่อโซเชียล ที่จะไม่เกิดการยั่วยุ ชักนำไปในทางที่เสื่อมเสียด้วยกรณีต่างๆ เช่น ระหว่างนักเรียนกับนักเรียน หรือระหว่างครูกับนักเรียน ที่เป็นปัญหาการคุกคามทางเพศ ตามที่เกิดเป็นข่าวทางโลกโซเชียลบ่อยๆ ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาแล้วจะทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย
นายทวีกล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้อิทธิพลของสื่อโซเชียลรุนแรงมาก ขณะที่สังคมก็เปลี่ยนไป พ่อแม่ ผู้ปกครองและบุตรหลาน แยกกันอยู่ เด็กบางคนอยู่กับตายาย บางคนเช่าหออยู่กับเพื่อน หรืออาศัยอยู่กับญาติ ซึ่งอาจเป็นช่องว่างให้เสี่ยงต่อการหลงผิด หลงเพลินตามวัยอยากรู้อยากลอง หากทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไปโดยขาดสามัญสำนึก ละเลยคุณธรรมจริยธรรม อาจจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่ออนาคตและต่ออาชีพ ทั้งถูกดำเนินคดี เกิดความอับอาย บางคนอาจจะคิดสั้น ซึ่งผู้ที่เสียใจก็คือพ่อ แม่ ผู้ปกครอง
“หากทุกคนยึดหลักจริยธรรม และสำนึกในบทบาทหน้าที่ ก็จะสามารถแยกแยะความผิดชอบชั่วดี ไม่อ่อนไหวกับสิ่งเร้า ครูเองต้องทำหน้าที่เป็นครู อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ให้มีความรู้ ขณะที่นักเรียนต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตนเองเคารพระเบียบวินัย ทั้งในรั้วโรงเรียนและนอกโรงเรียน ไม่ตกเป็นทาสของสิ่งยั่วยุที่เข้ามาในโลกออนไลน์ ก็จะป้องกันปัญหาต่างๆที่จะติดตามมาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้จะได้มอบเป็นนโยบายให้ผู้บริหารสถานศึกษา หมั่นกำชับนักเรียนอย่างเคร่งครัด โดยให้เน้นหลักจริยธรรม การแต่งกายและพฤติกรรมของเด็กนักเรียนหญิง นอกจากนี้ ยังจะให้สารวัตรนักเรียน ออกสอดส่อง และจับตาพฤติกรรมของเด็กกลุ่มเสี่ยง เพื่อเป็นปราการป้องกันปัญหาดังกล่าว ที่สำคัญคือไม่เกิดปัญหาคุกคามทางเพศ หรือกระทำอนาจารกับเด็ก อย่างที่ตกเป็นข่าวหลายครั้ง” นายทวีกล่าวในที่สุด