เกษตรอำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งเกษตรตำบลรวบรวมเอกสารโครงการ 9101และการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุ หลังสาวดีเจในจังหวัดขอนแก่นผู้ร้องเรียน ป.ป.ช.ถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังค่าขายมูลไก่กว่า 6 แสนบาท ระบุอยู่ในขั้นตอนรวบรวมส่งให้กับทางจังหวัดแล้วกว่า 80% แต่ยังไม่แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ
จากกรณี นางสาวนิมิต ตราชู หรือดีเจนุ่มนิ่ม ดีเจชื่อดังชาว จ.ขอนแก่น นำหลักฐานเข้าร้องต่อป.ป.ช.หลังถูกสำนักงานสรรพากรพื้นที่ สาขาเมืองขอนแก่น แจ้งให้ชำระภาษีส่วนบุคคลย้อนหลังปี 2560 เป็นเงินกว่า 6 แสนบาท โดยมีนายประทีป จูฑะศร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.ภาค 4 มารับเอกสารหลักฐานไว้เพื่อทำการตรวจสอบให้เกิดความกระจ่าง จากการตรวจสอบกับทางสรรพากร พบว่าภาษีที่ถูกเรียกเก็บดังกล่าว เกิดจากมีชื่อตนทำธุรกรรมซื้อขายมูลไก่กับสำนักงานเกษตร จ.กาฬสินธุ์ ในโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2560 โดยชื่อตนเป็นผู้ขายมูลไก่ มีการสั่งจ่ายเงินในชื่อตนเป็นเงิน 6,173,000 บาทเป็นเหตุให้ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังดังกล่าว
ทั้งนี้ นางสาวนิมิตอ้างว่า ตนไม่เคยซื้อขายกับหน่วยงานดังกล่าวเลย และไม่เคยได้รับเงินจากขายมูลไก่ดังกล่าว ซึ่งหลังทราบเรื่องตนเองได้เดินทางไปยังสำนักงานเกษตร จ.กาฬสินธุ์ ที่มีชื่อตนทำการจัดซื้อแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน โดยผู้เกี่ยวข้องอ้างว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องได้เกษียณและเจ้าหน้าที่ย้ายไปแล้ว ทำให้ตนได้พบความผิดปกติในการดำเนินงานโครงการ 9101 คือในโครงการที่ตนถูกนำชื่อไปใช้ ไม่มีหลักฐานการเบิกจ่ายแต่มีการจ่ายเงิน และไม่พบเอกสารของตนในการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดที่มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท จึงมาร้องต่อป.ป.ช.เพื่อล้างมลทินให้ตนเองในประเด็นการหลีกเหลี่ยงภาษีและต้องการให้ขยายผลการจัดซื้อจัดจ้างที่มูลค่าเกินจริง เพราะเท่าที่พบมูลสัตว์ที่มีการซื้อขายกันเพียงหลักแสนแต่กลับมีการซื้อขายถึงหลักล้าน
ต่อมา นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ เกษตร จ.กาฬสินธุ์ ได้สั่งการให้เกษตรอำเภอยางตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ระบุว่ามีการทำธุรกรรมซื้อขายมูลไก่ ดำเนินการรวบรวมเอกสารทั้งหมด เพื่อให้ ป.ป.ช.ภาค 4 ทำการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ที่สำนักงานเกษตรอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นางสาวนิภาภัทร เวียงวะลัย เกษตรอำเภอยางตลาด กล่าวว่า ในส่วนของการรวบรวมเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ในปี 2560 นั้น ทางสำนักงานเกษตรอำเภอยางตลาด ได้สั่งการให้เกษตรตำบลทุกตำบล ทำการรวบรวมเอกสารจากกลุ่มต่างๆที่ดำเนินโครงการ ซึ่งอาจจะล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากเวลาผ่านมา 2-3 ปี ขณะที่ตัวประธานกลุ่ม หรือผู้ที่รับผิดชอบเอกสารบางคนไม่อยู่ในพื้นที่ หรือบางคนเสียชีวิต และเกษียณราชการ แต่ก็พยายามที่ดำเนินการอย่างเต็มที่และเร็วที่สุด โดยรวบรวมได้แล้วประมาณ 80% ซึ่งได้นำส่งทางสำนักงานเกษตรจังหวัดแล้ว
นางสาวนิภาภัทรกล่าวอีกว่า ตามหลักการแล้ว หลังสิ้นสุดโครงการ มีระเบียบว่าแต่ละกลุ่ม จะต้องจัดทำเอกสารโครงการไว้ 3 ชุด คือเก็บไว้กับกลุ่ม 1 ชุด เก็บไว้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ 1 ชุด และเก็บไว้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัด 1 ชุด แต่ที่ต้องมีการรวบรวม เพื่อการตรวจสอบกรณีดังกล่าว เนื่องจากผู้ที่เคยรับผิดชอบเอกสารส่วนนั้นไม่อยู่ในพื้นที่ มีการโยกย้ายบ้าง เกษียณอายุราชการบ้าง จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการค้นหา เพื่อให้เอกสารทุกชุดตรงกัน ซึ่งอยู่ในระหว่างรวบรวมเอกสารให้สมบูรณ์ครบทุกโครงการ และนำส่งทางสำนักงานเกษตรจังหวัดก่อน ขณะนี้จึงยังไม่แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอยางตลาดทุกคน พร้อมที่จะให้ความร่วมมือหากจะมีการตรวจสอบทุกกรณี