ดราม่าไม่จบผู้ปกครองยันเอาเรื่อง พร้อมปรึกษานักกฎหมายเตรียมยื่นฟ้องครูทำร้ายร่างกายลูกชายตบหน้าและบ้องหู ขณะที่ครูฝ่ายปกครองยืนยันไม่ได้ตบหน้าเด็กแรง เพียงตบเบาๆสั่งสอนว่ากล่าวตักเตือน ส่วนการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายนั้น เหตุผู้ปกครองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่กลับไปโพสต์ลงโชเชียลทำให้ครูเสื่อมเสียชื่อเสียง
จากกรณีมีผู้ปกครองโพสต์เฟชบุ๊ค ระบุข้อความว่า ลูกชายถูกครูในโรงเรียนตบหน้าและบ้องหู สาเหตุเกิดทรงผมผิดระเบียบ ซึ่งผู้ปกครองรายดังกล่าวมองว่าเป็นการกระทำเกิดกว่าเหตุหรือไม่ ซึ่งหลังเกิดเหตุเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ และยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งถูกครูฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่นำชื่อและเรื่องราวไปโพสต์จำนวน 300,000 บาท ขณะที่ครูฝ่ายปกครองโรงเรียนดังกล่าวยอมรับว่าตบหน้าเด็กจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ตบแรง เพียงแต่เป็นการอบรมสั่งสอนและว่ากล่าวตักเตือนเรื่องทรงผมของเด็กที่ผิดระเบียบ กระทั่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 24 สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ล่าสุด น.ส.อุ่นเรือน แสนรัง อายุ 37 ปี กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว ล่าสุดตนก็ต้องยื่นเรื่องฟ้องร้องกลับคืนครูที่ทำร้ายร่างกายตบหน้าและบ้องหูลูกชาย และฟ้องแย้งว่าการที่โพสต์ในเฟชบุ๊คนั้นเป็นความจริง ไม่ได้ใส่ร้ายใคร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรึกษานักกฎหมายและเตรียมยื่นฟ้อง ทั้งนี้ขอยืนยันว่าลูกชายนั้นตัดผมรองทรงถูกต้อง ไม่ได้ปล่อยผมยาวรากไทร อีกทั้งวันเกิดเหตุก็ไม่ได้ยกมือขึ้นมาจะชกหรือสู้ครู เนื่องจากลูกชายนั้นมีลักษณะท่าทางออกไปทางผู้หญิง และไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าว เพียงแต่ยกมือขึ้นมาป้องกัน เพราะกลัวครูเข้ามาตบซ้ำอีกรอบ ซึ่งอยากให้ทางโรงเรียนตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย เพราะทราบว่ามีกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตามขณะนี้ผลการตรวจร่างกายของแพทย์ออกมาแล้วระบุว่ามีรอยช้ำที่ใบ้หน้า ซึ่งตนจะเตรียมที่จะรวบรวมเอกสารยื่นฟ้องต่อครูที่ทำร้ายร่างกายลูกชายต่อไปและยืนวันว่าจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด
ด้านนายสุรพล กันอุปปัด ครูฝ่ายปกครองโรงเรียนเขาวงพิทยาคาร อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้น โดยเฉพาะตัวผู้ปกครอง ซึ่งในวันเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์กลับนำข้อความและชื่อนามสกุลตนไปโพสต์ว่าตบหน้าเด็กเหมือนเหตุการณ์รุนแรง ซึ่งยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และที่จริงแล้วก็ไม่รุนแรงอะไร เรื่องดังกล่าวจึงทำให้ชื่อเสียงความเป็นครูที่ตนสร้างมาตลอดชีวิตเสียหายอย่างมาก เพราะมีหลายคนที่ไม่รู้จักตนและฟังความข้างเดียวเข้ามาต่อว่าและด่าเสียๆหายๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปกป้องชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตนและครอบครัว โดยมอบหมายให้เป็นหน้าที่ฝ่ายกฎหมายดำเนินการในส่วนนี้
นายสุรพล กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าวันเกิดเหตุได้เรียกเด็กนักเรียนมาตักเตือนเรื่องทรงผม และตบหน้าจริง แต่เป็นการตบเบาๆใช้บริเวณปลายนิ้วมือเสียงดังแป๊ะ เป็นการอบรมว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น ไม่ได้ตบแรงเหมือนที่ผู้ปกครองนำไปโพสต์ ซึ่งสำหรับตนนั้นไม่เรียกว่าตบด้วยซ้ำ ทั้งนี้หลังจากนั้นตนยังจับไหล่และย้ำให้ไปแก้ไขทรงผมมาใหม่ อีกทั้งเด็กนักเรียนยังเรียนหนังสือทั้งวัน ไม่ได้บาดเจ็บ อย่างไรก็ตามส่วนกรณีทาง สพม.24 ได้ตั้งคณะกรรมการสบข้อเท็จจริง และส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบนั้น ซึ่งตนก็ได้ให้ข้อมูลไปตามความจริง คือไม่ได้กระทำรุนแรง และไม่มีอคติกับเด็ก เพียงแต่ตบเบาๆอบรมสั่งสอนเท่านั้น และเชื่อว่าต่อไปสังคมก็จะรู้ความจริง เพราะตนมั่นใจในเจตนาของตนเองที่ทำหน้าที่ครู