อุทาหรณ์หนุ่มพิการทางสติปัญญาวัย 47 ปี สูบบุหรี่ข้างเตาแก๊สหลังกินข้าวเย็น จู่ๆเกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว แรงอัดกระแทกร่างกระเด็นชนผนังปูนเละ เสียชีวิตคาที่ ขณะที่น้องชายและเพื่อนบ้านได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย เจ้าหน้าที่สันนิษฐานสาเหตุเกิดจากถังแก๊สรั่ว พอสูบบุหรี่ใกล้ถังแก๊สที่รั่ว จึงเป็นชนวนให้เกิดการระเบิด
เมื่อ 11.30 น.วันที่ 29 กันยายน 2563 พ.ต.อ.สมชาย ภูกองชนะ ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.เมฆินทร์ ภูอาภรณ์ รองผกก.(ป.)สภ.กุฉินารายณ์ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนตำรวจ สภ.กุฉินารายณ์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.กุฉินารายณ์ ปภ.กาฬสินธุ์ จุด อ.กุฉินารายณ์ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเมตตาธรรมกาฬสินธุ์ และกู้ภัยบัวขาว ลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุและเก็บหลักฐานเพิ่มเติม บริเวณหลังบ้านเลขที่ 23 หมู่ 15 บ้านบัวขาว เขตเทศบาลตำบลบัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นเปิดเป็นร้านขายของชำประจำชุมชนบ้านปูนติดพื้นชั้นเดียว หลังจากเกิดเหตุการณ์ถังแก๊สระเบิด มีผู้ประสบเหตุเสียชีวิตคาที่ 1 ราย คือนายนเรศ เถาวัลย์ อายุ 47 ปี และบาดเจ็บ 2 ราย คือนายพรนรายณ์ เถาวัลย์ อายุ 46 ปี และนายแจ็ค เพื่อนบ้าน (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) อายุ 25 ปี โดยเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 28 กันยายน 2563 ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 21.30 น.ซึ่งจุดที่เกิดเหตุนั้นเห็นห้องเก็บของเก่า
นายพรนรายณ์ เถาวัลย์ อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 48 หมู่ 15 บ้านบัวขาว กล่าวว่า เมื่อคืนนี้เวลาประมาณ 21.30 น.หลังจากที่ตนและพี่ชายคือนายนเรศ เถาวัลย์ ซึ่งเป็นบุคคลพิการทางสติปัญญา และนายแจ็คเพื่อนบ้าน ล้อมวงกินข้าวเย็นด้วยกันที่ห้องเก็บของเก่า ซึ่งอยู่ด้านหลังของตัวบ้าน โดยของเก่านั้นเป็นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า จอทีวี ซากรถจักรยานยนต์ และถังแก๊สหุงต้ม หลังจากนั้นไม่ทราบว่านายนเรศพี่ชายผู้เสียชีวิต ไปทำอะไรอยู่บริเวณไหน ก่อนที่จะได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว และก่อนที่จะมีเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่บริเวณห้องเก็บของ ขณะที่ตนหูชาเพราะเสียงระเบิด และรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว
ด้านนางโนรา เถาวัลย์ อายุ 39 ปี ภรรยานายพรนรายณ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุระเบิด ตนได้นำอาหารเย็นมาให้สามีและนายนเรศนั่งล้อมวงกินที่ห้องเก็บของหลังบ้านดังกล่าว ซึ่งทั้ง 2 คนพี่น้องชอบที่จะมานั่งกินข้าวเย็นด้วยกันตรงนี้เป็นประจำ โดยก่อนเกิดเหตุมีนายแจ็คเพื่อนบ้านมานั่งคุยกับทั้ง 2 คนนั้นด้วย จากนั้นตนได้กลับมาอยู่หน้าร้านเพื่อขายของให้ลูกค้า แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังตูมขึ้นที่บริเวณหลังบ้าน จากนั้นเห็นประกายไฟลุกลามขึ้น จึงวิ่งไปดู พบว่าเปลวไฟกำลังโหมไหม้แรงขึ้น จึงได้ตะโกนเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยกันดับไฟ
นางโนรากล่าวอีกว่า หลังช่วยกันดับไฟได้แล้ว พบว่าสิ่งของที่เก็บอยู่ในห้องดังกล่าวแตกกระจายไปคนละทิศละทาง พบร่างของนายนเรศนอนจมกองเลือดอยู่ติดกับผนังห้อง สภาพร่างกายส่วนล่างแหลกละเอียด เต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ เสียชีวิตคาที่ ขณะที่นายพรนรายณ์สามี ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณชายโครงขวา มีบาดแผลที่ข้อศอกขวา และขาขวา ส่วนนายแจ็คได้รับบาดเจ็บที่หลังเท้าด้านขวา ญาติจึงได้นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาลอย่างเร่งด่วน ล่าสุดอาการปลอดภัย ขณะที่ศพนายนเรศจะทำการฌาปนกิจในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้
ด้าน พ.ต.อ.สมชาย ภูกองชนะ ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ และจากการสอบถามญาติเจ้าของบ้าน เบื้องต้นทราบว่าสาเหตุของการระเบิด มีผู้ประสบเหตุเสียชีวิต และบาดเจ็บ รวมทั้งตัวบ้านได้รับความเสียหายครั้งนี้ เกิดจากถังแก๊สระเบิด ชนวนระเบิดเป็นถังแก๊สหุงต้ม โดยพบแรงอัดบริเวณพื้นบ้านปูนปูกระเบื้องตรงตำแหน่งที่ถังตั้งอยู่ยุบตัวลงประมาณ 2 นิ้ว ความแรงของระเบิดทำให้ถังแก๊สแตกกระจาย เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปรอบทิศทาง สิ่งของเครื่องใช้ภายในบริเวณเดียวกันถูกชิ้นส่วนของถังแก๊สพุ่งอัดกระจัดกระจาย หลังคาสังกะสีขาดกระจุยเป็นวงกว้าง และความแรงของระเบิดยังกระแทกร่างนายนเรศกระเด็นขึ้นชนผนังปูนก่อนตกลงมากองกับพื้น บริเวณใต้ท้องและส่วนขาทั้ง 2 ข้าง ถูกชิ้นส่วนของถังแก๊สพุ่งอัดและฉีกขาดเป็นบาดแผลฉกรรจ์ นอนจมกองเลือดเสียชีวิตคาที่
ทั้งนี้ นายนเรศผู้เสียชีวิต เป็นบุคคลพิการทางสติปัญญา และชอบสูบบุหรี่หรือยาเส้น ซึ่งหลังจากกินข้าวเย็นอิ่มแล้วอาจจะไปยืนสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆกับถังแก๊ส ที่ยังมีแก๊สเหลืออยู่ภายใน โดยถังแก๊สที่เป็นต้นเหตุไม่ได้เปิดใช้หุงต้ม แต่เจ้าของบ้านเก็บมาไว้ในสภาพเป็นของเก่า รอขายให้กับพ่อค้าของเก่ามารับซื้อ แต่ก่อนเกิดเหตุถังแก๊สดังกล่าวที่มีแก๊สเหลืออยู่ ซึ่งอาจจะรั่วหรือนายนเรศอาจจะเอามือไปเปิดวาล์วขณะสูบบุหรี่ จึงเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุถังแก๊สระเบิด ทำให้นายนเรศเสียชีวิตและมีผู้ประสบเหตุได้รับบาดเจ็บ 2 คนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใคร ซึ่งต้องรอการสรุปพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง