ข่าวด่วน

ไม่ถามซักคำ ลุงวัย 61 ปี ร้องตำรวจไล่จับคนร้ายถูกรถชนปางตายไร้เหลียวแล

ลุงวัย 61 ปี ชาวอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ร้องศูนย์ยุติธรรมจังหวัดช่วยเหลือถูกรถกระบะของคนร้าย ที่ขับหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สมเด็จพุ่งชน จนทำให้บาดเจ็บสาหัสอาการปางตาย ขาหักทั้งสองข้างและหวิดเป็นเจ้าชายนิทรา ทุกข์หนักเหมือนตายทั้งเป็น แต่กลับไม่ได้การเหลียวแลและช่วยเหลือ

https://www.youtube.com/watch?v=aXe75KWaUiw&feature=youtu.be

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 148 บ้านคำเม็ก หมู่ 7  ต.แซงบาดาล อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของนายพิทักษ์ธรรม เรืองแสน อายุ 61 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากอุบัติเหตุขี่รถจักรยานยนต์ไปตลาด ถูกรถกระบะของคนร้ายขับพุ่งชน ขณะกำลังขับหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สมเด็จ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาหักทั้งสองข้าง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7  พ.ค. 63 ที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ เดินทางมารวบรวมข้อมูลและเก็บหลักฐานเพิ่มเติม หลังนายพิทักษ์ธรรมผู้บาดเจ็บ ร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากยังไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือเงินเยียวยาจากคู่กรณีและเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด

โดยในการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ มีนายวีระยุทธ พรมศรี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 พรอมด้วยเจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลแซงบาดาล ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และญาติพี่น้องมาร่วมให้ข้อมูลและเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ ทั้งนี้ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือญาติผู้ต้องหาที่ขับรถพุ่งชน ยังไร้วี่แววจะมาแวะเยี่ยมหรือโทรเข้ามาสอบถามอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด

นายพิทักษ์ธรรม กล่าวว่า ในวันเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวเวลาประมาณ 13.00 น. ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอน้าเวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กณ 6069 กาฬสินธุ์ เพื่อจะไปตลาดในตัว อ.สมเด็จ พอถึง 4 แยกหน้าโรงเรียนหนองแสง-บ้านคำเกิ้ง ซึ่งเป็นย่านชุมชน ตนได้เปิดไฟเลี้ยวขวาและชะลอลงช้าๆขณะเดียวกันได้มีรถกระบะ 2 คัน ขับไล่กันมาด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นการขับไล่จี้กันมาโดยไม่บีบแตรหรือส่งสัญญาณเสียงแต่อย่างใด แล้วเหตุการณ์ที่ตนไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น เมื่อรถยนต์คันแรกได้ขับตรงเข้ามาหาตน แล้วพุ่งชนเข้าที่ล้อหน้าอย่างจัง เหมือนจงใจขับชน ทำให้ทั้งคนทั้งรถกระเด็นไปคนละทิศละทาง  โชคดีที่สวมหมวกนิรภัย แต่ก็ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะขาหักพับเสียรูปทั้ง 2 ข้าง เจ็บปวดระบมไปทั่วทั้งตัว ขณะที่รถกระบะทั้ง 2 คัน ยังขับไล่กันไปข้างหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นายพิทักษ์ธรรม กล่าวอีกว่า หลังประสบอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บสาหัสได้อาสาสมัครกู้ภัยและพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จ จึงทำให้ตนพ้นขีดอันตราย หวุดหวิดจากการเป็นเจ้าชายนิทรา แต่ก็ได้รับความเจ็บปวด และทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ เนื่องขณะนี้ ถึงแม้จะออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว ยังมีอาการบาดเจ็บและช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้เลย ที่สำคัญ ไม่มีคู่กรณีหรือแม้แต่ตำรวจที่ขับรถไล่ในวันนั้นจะเข้ามาดูแลหรือให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด

นายพิทักษ์ธรรม กล่าวอย่างน้อยใจว่า ทั้งนี้ตนทราบในภายหลังว่า รถกระบะที่พุ่งชนตนนั้น เป็นรถของคนร้ายคดียาเสพติด ที่ขับหนีการจับกุม ซึ่งรถกระบะคันที่ขับไล่ตามจับนั้น เป็นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สมเด็จ โดยคาดว่าคนร้ายมีเจตนาจงใจจะขับรถชนรถจักรยานยนต์ของตน หวังให้บาดเจ็บและให้ตำรวจที่ขับรถไล่ตามได้จอดรถและลงมาช่วยเหลือตน  แล้วจะฉวยโอกาสขับหลบหนีการจับกุม  แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่คนร้ายคาดไว้ เพราะตำรวจยังขับรถตามไล่จับคนร้ายได้ในเวลาต่อมา ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว ได้ขับรถผ่านและนำคนร้ายไปสอบสวนที่ สภ.สมเด็จ โดยไม่จอดดูอาการของตนที่นอนจมกองเลือดอยู่เลย จากวันนี้ถึงวันนี้ ตนจึงเจ็บฟรี โดยไม่มีใครยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาเลย

“ญาติพี่น้องตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน โดยเฉพาะพ่อของตนก็เคยเป็นตำรวจที่สภ.สมเด็จ ที่ผ่านมาตนเคยเชื่อมั่นและศรัทธาในอาชีพตำรวจ ที่คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุข ช่วยเหลือชาวบ้าน แต่พอประสบเหตุด้วยตนเอง ที่มูลเหตุเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยขับรถไล่จับคนร้ายด้วยความเร็วสูงและเป็นย่านชุมชน ไม่มีการส่งสัญญาณเตือนให้ชาวบ้านระมัดระวัง จึงถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนั้นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาท ทำให้ชาวบ้าน ผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อนและบาดเจ็บเกือบเสียชีวิต ในฐานะที่ตนเป็นผู้เสียหาย จึงอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเหลียวแลกันบ้าง แต่ก็ยังเงียบหาย หรือจะให้คนร้ายหรือผู้ต้องหาที่ขับรถพุ่งชนเป็นคนเยียวยา คงเป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากถูกจับกุมและดำเนินคดีในเรือนจำ ทุกวันนี้จึงมีเพียงคนแก่ คนพิการ ญาติพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียงเท่านั้น ที่มาเยี่ยมยามถามข่าว ให้กำลังใจ แต่น้ำใจจากฝ่ายคู่กรณีที่ขับชนหรือตำรวจยังไม่มีวี่แวว” นายพิทักษ์ธรรมกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา ผกก.สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของชุดสืบสวนสภ.สมเด็จ ซึ่งได้ขับรถไล่ติดตามคนร้ายในคดียาเสพติด แต่ผู้ต้องหาได้พยายามขับรถหนีจนไปชนกับรถจักยานยนต์ของนายพิทักษ์ธรรม เรืองแสน อายุ 61 ปี จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว และขณะนี้ได้ดำเนินการขั้นตอนทุกอย่าง ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งผู้ที่ขับรถชนก็เป็นคนร้าย และตำรวจไม่ได้ขับชน แต่เท่าที่ตรวจสอบรถของคนร้ายก็มีพ.ร.บ.และอยู่ระหว่างการดำเนินการ แต่เนื่องจากผู้เสียหายยังรักษาตัวอยู่ ยังไม่ได้เข้ามาให้ปากคำอย่างละเอียดในคดี ความช่วยเหลือในส่วนนี้อาจจะยังคงไปไม่ถึง อย่างไรก็ตามจะกำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดดำเนินการในเรื่องพ.ร.บ.เพื่อให้การช่วยเหลือโดยเร็ว และในส่วนของสภ.สมเด็จคงจะต้องเข้าไปช่วยเหลือตามสมควรต่อไป

                ทั้งนี้ในส่วนของสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ หลังจากได้รับเรื่องและลงพื้นที่เก็บข้อมูล จะเร่งดำเนินการประสานไปยังสภ.สมเด็จและตัวแทนพ.ร.บ.เพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไป