ข่าวอาชญากรรม

บุรีรัมย์ ทนายอั๋นพาเหยื่อคดีมหากาพย์เต็นท์รถฉ้อโกงร่วม 100 ขึ้นศาลค้านปล่อยตัวชั่วคราวหวั่นหลบหนี

ทนายอั๋นบุรีรัมย์ พาผู้เสียหายคดีเต็นท์รถมือสองรายใหญ่ฉ้อโกงซื้อขาย-แลกเปลี่ยนรถหลายจังหวัดร่วม 100 คน ขึ้นศาลค้านปล่อยตัวชั่วคราวเสี่ยเจ้าของเต็นท์พร้อมพวก หวั่นหลบหนีและจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะยังมีพฤติกรรมไปหลอกลวงข่มขู่รีดเงินต่อเนื่อง ทนายเผยคดีมหากาพย์กลโกงสุดชั่วของเต็นท์ ทำให้เหยื่อบางคนเครียดป่วยเส้นเลือดสมองแตกเสียชีวิต ถูกฟ้องยึดบ้านที่ดิน ยันพร้อมเดินหน้าทวงคืนความเป็นธรรมถึงที่สุด

วันที่ 22 ม.ค. 2567 นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋นบุรีรัมย์ ได้พาผู้เสียหายคดีที่ถูกเต็นท์รถมือสองรายใหญ่ใน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ฉ้อโกงในการซื้อขายแลกเปลี่ยนรถทั้งรายเก่าและรายใหม่ จากหลายจังหวัดภาคอีสาน เช่น จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม และ จ.นครราชสีมา ร่วม 100 คน ที่มีมูลค่าความเสียหายหลาย 100 ล้านบาท เดินทางไปยังศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ตามที่ศาลนัดไต่สวนเพื่อประกอบการคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี หรือ(ค้านประกันตัว) หลังจากที่ผู้เสียหายได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวเสี่ยเจ้าของเต็นท์รถ พร้อมพวก ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเกรงจำเลยจะหลบหนี ไปข่มขู่ผู้เสียหาย หรือหลอกลวงประชาชนคนอื่นอีก เพราะหลังจากที่อัยการจังหวัดได้พิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลแล้วในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ยังมีพฤติการณ์ไปหลอกลวง ข่มขู่ประชาชนในรูปแบบต่างๆ อยู่อย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้สำนึกหรือเกรงกลัวต่อกฎหมายเลย

โดยทนายอั๋น บอกว่า วันนี้ศาลนัดไต่สวนเพื่อพิจารณาว่าจะให้ประกันผู้ต้องหาทั้ง 5 คนหรือไม่ ซึ่งวันนี้ซึ่งเป็นวันสำคัญ เพราะเต็นท์รถแห่งนี้ได้ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนมาร่วม 10 ปี ซึ่งวันนี้ถือเป็นครั้งแรกในการขึ้นศาลในคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางผู้เสียหายได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวเอาไว้ ศาลท่านก็เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจมีจำนวนผู้เสียหายหลายคน และยอดมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท คดีนี้มีอัตราโทษสูงมาก ดังนั้นจึงต้องมีการไต่สวนเพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวผู้ต้องหาหรือไม่ ซึ่งผู้เสียหายต่างยืนยันตรงกันว่าไม่อยากให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวหรือประกันตัวไป เพราะคดีนี้สร้างความเดือดร้อนเสียหายจำนวนมาก ผู้เสียหายบางคนถูกโกงจนเครียดล้มป่วยเส้นเลือดสมองแตก หลายคนถูกฟ้องสูญเสียบ้าน ที่ดินด้วยกลโกงต่างๆ ของเต็นท์แห่งนี้

ดังนั้น หากผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นหลักประกันให้กับประชาชนว่าจะไม่ตกเป็นเหยื่อจากกลโกงของคนกลุ่มนี้อีก ซึ่งล่าสุดเมื่อช่วงปลายปี 2566 ก็ยังมีผู้เสียหายถูกแก๊งนี้หลอกลวงข่มขู่รีดเงินไปขอให้ตนเองช่วยเหลือ ก็แสดงให้เห็นว่าแก๊งนี้ยังไม่มีความสำนึกหรือเกรงกลัวต่อกฎหมายเลย ดังนั้นตนในฐานะทนายความตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าทวงความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายถึงที่สุด ให้ผู้กระทำผิดถูกลงโทษตามกฎหมาย

ด้านนางวัลลิกา ลุนแดง ชาว อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า อยากให้ผู้กระทำผิดทุกคนในคดีนี้ได้รับโทษตามกฎหมาย และรับผลกรรมที่ก่อเอาไว้กับประชาชน เพราะที่ผ่านมาได้หลอกลวงฉ้อโกงประชาชนได้รับความเสียหายมานานมากแต่ยังลอยนวลไม่ถูกดำเนินคดีอะไรเลย ซึ่งกรณีของตนเองได้นำรถเก๋ง มาขาย เมื่อปี 2559 ได้เงินยังไม่ครบตามที่ตกลงกัน แต่เขากลับหลอกล่อให้เอารถกระบะคันอื่นที่มีปัญหาไปใช้ พอเอามาส่งคืนกลับไม่ยอมรับคืนแถมยังแจ้งความกลับกล่าวหาว่าฉ้อโกงอีก พยายามจะยัดเยียดเอาคนในครอบครัวที่ไมได้เกี่ยวข้องมาติดคุกคดีอาญาอีก จึงอยากให้เจ้าของเต็นท์และพวกทุกคนได้รับโทษตามกฎหมาย และชดใช้ค่าเสียหายให้กับเหยื่อทุกคนด้วย