วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เมื่อเวลา 16.30 น. พ.ต.อ.วีระพันธ์ ณ ลำปาง ผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ พร้อมด้วย รองผู้กำกับสืบสวน และตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งเหตุจากนางนิภา ทองดา เจ้าของร้านขายของชำ (ผู้เสียหาย) อายุ 60 ปี ราษฏรบ้านจบกงาม หมู่ที่ 11 ตำบลแกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งถูกชายฉกรรจ์ ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน คขว-257 บุรีรัมย์ ได้สวมหมวกกันน็อคแบบปิดหน้ามาจอดรถที่ร้านของของชำกลางหมู่บ้าน พร้อมกับทำทีเข้ามาสั่งซื้อเบียร์และน้ำแข็ง จากนั้นอาศัยช่วงปลอดคนได้รีบกระชากสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท ก่อนจะรีบขับรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านหลบหนีไป โดยนางนิภา ทองดา(เจ้าของร้านขายของชำผู้เสียหาย) ได้วิ่งออกมาพร้อมกับตะโกนบอกเพื่อนบ้านให้ช่วยแต่คนร้ายขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จึงรีบเข้ามาแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคนร้าย
จากการตรวจสอบกล้อวงจรปิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนพบเพียงคนร้ายและจักรยานยนต์ตรงตามรูปพรรณที่ผู้เสียหายแจ้ง จึงได้แบ่งสายเช็คกล้องวงจรปิดตามเส้นทางของคนร้ายที่คาดว่าจะนำทองมาขาย ซึ่งได้พบชายต้องสงสัยมาจอดรถจักยานยนต์ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ก่อนนำเสื้อวอร์มสีน้ำเงินซุกเอาไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ เหลือเพียงเสื้อยืดตัวเดียวสีส้มแดงเดินเข้าไปในห้าง พร้อมกับนำทองรูปพรรณที่ก่อเหตุมาขายในราคา 32,000 บาท ซึ่งกล้องวงจรปิดร้านค้าทองของห้างฯจับภาพได้ เมื่อได้เงินมาส่วนหนึ่งนำไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ในราคา 4,000 บาท ที่ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะมาถูกจับในเมืองสุรินทร์
ทั้งนี้ เนื่องจากนางนิภา ทองดา (เจ้าของร้านขายของชำผู้เสียหาย) แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนว่า จำน้ำเสียงของคนร้ายได้ถึงแม้จะปิดหน้าใส่หมวกก็ตาม ยืนยันว่าเป็นนายสันติ พิพัฒนธนพงศา(ผู้ต้องหา) อายุ 39-40ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เคยมาทำงานในหมู่บ้าน และมักจะมาซื้อของที่ร้านบ่อย ตำรวจชุดสืบสวนจึงติดตามและจับกุมตัวได้ในที่สุด โดยนำตัวผู้ต้องทำแผนรับคำสารภาพพร้อมกับชี้จุดที่นำสร้อยคอทองคำไปขายยังร้านทอง โดยเจ้าของร้านทองได้แจ้งเบาะแสให้ตำรวจทราบทันที หลังสังเกตว่าสร้อยคอทองคำมีความผิดปกติ และจุดที่บริเวณร้านค้าขายของชำในหมู่บ้านจบกงาม ตำบลแกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ท่ามกลางบรรดาชาบ้านที่ทราบข่าวว่าจับคนร้ายกระชากสร้อยได้ แห่ดูดูโฉมหน้ากัน
นางนิภา ทองดา (เจ้าของร้านขายของชำผู้เสียหาย) เล่าว่า วินาทีโดนคนร้ายกระชากสร้อย ก็มีตกใจบ้างแต่ด้วยความมั่นใจและจำเสียงคนร้ายได้ จึงแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ที่เก่งสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ภายใน 24 ชั่วโมง
ทางด้านตำรวจชุดสืบสวนเมืองสุรินทร์เช็คประวัติอาชญากรรม พบว่านายสันติ พิพัฒนธนพงศา(ผู้ต้องหา) มีคดีวิ่งราวทรัพย์ถึง 2 ครั้ง และติดคุก 8 ปี ตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2559 อีกด้วย ออกมายังประพฤติตัวเหมือนเดิม