เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 16 พ.ค. 2567 พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประชาชนสัมพันธ์ผ่านโซเซียลมีเดีย โดยเฉพาะเพจเฟสบุ๊ค สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งได้โพสต์ภาพตำรวจและบัตรข้าราชการตำรวจ พร้อมข้อความ ประชาสัมพันธ์เตือนภัย..แก๊งคอลเซนเตอร์แอบอ้างชื่อเป็นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ของ สภ.เมืองขอนแก่น โดย ขอชี้แจ้งว่า การแอบอ้างดังกล่าวไม่เป็นความจริง และหากท่านใดได้รับความเสียหายกรุณาแจ้งที่สภ.ใกล้เคียงของท่านโดยด่วนหรือแจ้งความออนไลน์www.thaipoliceonline.com หรือ โทร.1441หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สภ.เมืองขอนแก่น โทร.043221162
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2024/05/20240516-123234-01-1024x576.jpg)
“การประชาสัมพันธ์ กรณีดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องจริง เพราะข้าราชการตำรวจ ที่เป็นนายตำรวจ ระดับสารวัตรและผู้กองในกลุ่มงานสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น ถูกแอบอ้างเอาชื่อ ไปหลอกลวงประชาชน จำนวน 3 นาย คือ พ.ต.ท.สุวัฒชัย ศรีวิชา สว.สืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น และ ร.ต.อ.คนาธิป ภูสมตา รองสว.สืบสวน ร.ต.อ.จักกฤษ ชินบุตร รองสว.สืบสวน ทั้งหมดถูกแอบอ้างชื่อ โทรศัพท์ไปหาผู้เสียหาย 3 ราย ที่จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดปัตตานี โดยใช้กลอุบายในแบบเดียวกันทั้ง 3 รายว่า เป็นนายตำรวจยศ พันตำรวจโท ตรวจเช็คพบว่ามีเงินจากขบวนการค้ายาเสพติด โอนเข้าบัญชีธนาคาร เป็นการฟอกเงิน และเจ้าของบัญชีจะมีความผิด ถ้าไม่อยากมีความผิดให้คุยกับนายตำรวจที่รับผิดชอบ”
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2024/05/20240516-123234-03-1024x576.jpg)
ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า รายแรกที่เป็นผู้เสียหายเป็นชาวบึงกาฬ มีญาติที่เป็นเพื่อนกับตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่นที่ทำงานกับ พ.ต.ท.สุวัฒชัย ศรีวิชา สว.(สส.)สภ.เมืองขอนแก่น โดยผู้เสียหายรับสายจากมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ยศพันตำรวจโทรว่า มีเงินจากการค้ายาเสพติดโอนเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น (ธนาคารกรุงไทย สาขาห้างฯเซ็นทรัล สาขาขอนแก่น) ผู้เสียหายได้พูดคุย จนมิจฉาชีพ แสดงตัวและวีดีโอคอล มาคุยด้วย พร้อมส่งบัตรข้าราชการตำรวจมาให้ผู้เสียหายทางไลน์ ผู้เสียหายจึงแค้ปหน้าจอขณะวีดีโอคอล และบันทึกภาพบัตรข้าราชการตำรวจ ส่งมาให้ญาติที่เป็นเพื่อนกับตำรวจชุดสืบสวน จากนั้นจึงได้มีการสอบถามมายังพ.ต.ท.สุวัฒชัย ความจริงจึงถูกเปิดเผยว่า ชื่อ สกุล ถูกต้องตรงกัน แต่หน้าตาที่ส่งมานั้น ไม่ใช่ จึงมีการตรวจสอบพบว่า เลขบัตรประชาชน 13 หลักก็ไม่ถูกต้อง เครื่องแบบที่สวมใส่ขณะวีดีโอคอลกับผู้เสียหายก็ไม่ใช่นายตำรวจ ยศพันตำรวจโท เพราะสวมเครื่องแบบยศ ร.ต.อ.เท่านั้น จึงให้ตำรวจชุดสืบสวน แจ้งกลับไปยังผู้เสียหายว่า อย่าหลงเชื่อและอย่าโอนเงินให้เด็ดขาด แต่กว่าจะกระจ่าง ผู้เสียหายก็โอนเงินให้มิจฉาชีพไปแล้วหลายแสนบาท
“นายตำรวจทั้ง 3 นาย ถูกแอบอ้างเอาชื่อ สกุลไปหลอกลวงประชาชน ทำให้ประชาชนเสียเงินรายละหลายแสนและเสียเงินล้าน แม้จะเป็นการปลอมบัตรปลอมเอกสาร ซึ่งเมื่อเราได้ข้อมูลมาก็ได้ทำการตรวจสอบ แต่ไม่พบตัวตนตามที่อยู่ จึงยังไม่แน่ใจว่า มิจฉาชีพกลุ่มนี้อยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ แต่ได้มีการประสานข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อสืบสวนจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และความผิดในข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน จึงฝากเตือนประชาชนว่า หากมีโทรศัพท์มาหาแล้วแจ้งว่ามีเงินจากขบวนการค้ายาเสพติดเข้าบัญชีจำนวนมาก มีความผิดเรื่องฟอกเงิน อย่าหลงเชื่อ อย่ากลัว ให้ตั้งสติ ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียง หรือโทร 191 แจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทราบ เพื่อป้องกันการสูญเสียเงิน”
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2024/05/20240516-123234-05-1024x576.jpg)
ขณะที พ.ต.ท.สุวัฒชัย ศรีวิชา สว.(สส.) สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า เจอมิจฉาชีพแอบอ้างใช้ชื่อ สกุล ไปหลอกลวงชาวบ้านใรายแรก คิดว่าเรื่องจะหายเงียบ แต่ปรากฏว่า มีผู้เสียหายซึ่งเป็น อดีตข้าราชการครู อยู่ที่ จ.อุบลราชธานี เดินทางมาพบที่งานสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น มาแสดงตัวต่อหน้า พร้อมกับบอกว่า มารับเงินที่ค้ำประกันตัวตำรวจที่ถูกย้ายเข้าไปที่ สตช.จำนวนล้านกว่าบาทคืน จึงงงเป็นไก่ตาแตก เพราะไม่ทราบเรื่อง
“จากการสอบถาม ผู้เสียหายทราบว่า ถูกมิจฉาชีพโทรหาโดยบอกว่ามีเงินจากการพวกค้ายาเสพติดโอนเข้าบัญชีจำนวนมาก หากไม่อยากมีความผิด ต้องจ่ายเงินให้กับ สตช. และมีการพูดคุยกันมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ มิจฉาชีพจึงบอกว่า มีนายตำรวจ 2 คนที่รู้เรื่องนี้ถูกย้ายเข้าไปประจำที่ สตช.คือ ร.ต.อ.คนาธิป ภูสมตา รองสว.สืบสวน ร.ต.อ.จักกฤษ ชินบุตร รองสว.สืบสวน หากไม่อยากมีความผิด และไม่อยากมีส่วนพัวพันกับกลุ่มค้ายาเสพติดและเพื่อช่วย นายตำรวจ 2 นาย กลับมาทำงานที่สภ.เมืองขอนแก่น ต้องจ่ายเงินให้ สตช. มิจฉาชีพยังกำชับกับผู้เสียหายว่า อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร เดียวเรื่องจะแดง จะมีความผิด จะติดคุก แต่ไม่ต้องห่วง เงินที่ช่วยค้ำประกัน นายตำรวจ 2 นาย จะได้คืนทุกบาท ให้มารับคืนที่งานสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น เมื่อนายตำรวจ 2 นาย กลับมาทำงานตามปกติแล้ว”
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2024/05/20240516-123238-06-1024x576.jpg)
พ.ต.ท.สุวัฒนชัย กล่าวต่อว่า ผู้เสียหายหลงเชื่อทุกคำพูดของมิจฉาชีพและไม่ปริปากบอกใคร ปรึกษาใคร ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีบัญชีธนาคารที่ธนาคารดังกล่าว คิดเพียงว่า กลัวความผิด กลัวติดคุก และเชื่อว่า จะได้เงินคืน เมื่อความจริงปรากฏ ว่า บุคคลที่คุยด้วยนั้น เป็นมิจฉาชีพ และสูญเสียเงินไปล้านกว่าบาท จึงได้แนะนำให้ผู้เสียหาย ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อเอาผิดกับมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พค.ที่ผ่านมา ก็ได้รับการติดต่อจากข้าราชการตำรวจที่สหกรณ์ตำรวจปัตตานีว่า มีญาติถูกมิจฉาชีพอ้างเป็น พ.ต.ท.สุวัฒชัย หลอกลวง ว่ามีเงินจากกลุ่มค้ายาเสพติด โอนเข้าบัญชีธนาคาร จะมีความผิด ในข้อหาฟอกเงิน ซึ่งต้องติดคุก ถ้าไม่อยากติดคุกต้องจ่ายเงิน ผู้เสียหายรายดังกล่าวหลงเชื่อ ได้โอนเงินให้มิจฉาชีพไปทั้งหมด 1.2 ล้านบาท จนไม่มีเงินจะจ่ายให้อีก จึงบอกกับญาติที่เป็นตำรวจ ญาติจึงตรวจเช็ครายละเอียดให้ จนทราบว่า เป็นการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพ และได้แจ้งมาให้ตนทราบเรื่อง จึงแนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจ
“เห็นใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นนายตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อสืบสวนจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพมาดำเนินคดีตามกฏหมาย รวมถึงการลงในเพจ เฟสบุ๊ค สภ.เมืองขอนแก่น เตือนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด หากมีใครโทรมาแจ้งมาบอ กในลักษณะดังกล่าว อย่างแรกต้องตั้งสติก่อนว่า ตัวเองไม่มีบัญชีที่ธนาคารดังกล่าว จากนั้นแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่ ให้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบจะได้ไม่เสียเงินให้มิจฉาชีพจากการตรวจสอบบัตรประชาชนที่มิจฉาชีพ ส่งให้ผู้เสียหาย เพื่อยืนยันว่าตัวเองเป็นนายตำรวจนั้น ชื่อนาย สุวัฒชัย ศรีวิชา เกิด พ.ศ.2511 เลขบัตรประชาชนที่ปรากฏไม่ตรงกับของ พ.ต.ท.สุวัฒชัย ส่วนที่อยู่ตามบัตรประชาชน เลขที่ 102 ม.2 ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ส่วนบัตรข้าราชการตำรวนนั้น มีความผิดปกติที่ชัดเจนมาก ชื่อ สกุล ถูกต้อง แต่เลขบัตรประชาชนผู้ถือบัตร ไม่ถูก รูปภาพติดบัตรเป็นตำรวจยศ ร.ต.อ. แต่ที่ลายเซ็น ระบุ พ.ต.ท. ส่วนผู้บัญชาการตำรวจก็เป็นภาค 5 ซึ่งในความจริง ตัวจริงรับราชการอยู่ที่ภาค 4 จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ที่มิจฉาชีพปลอมขึ้นมา นำมาแอบอ้างหลอกลวงเอาเงินจากประชาชน”