ข่าวอาชญากรรม

บุรีรัมย์ ป้าโร่แจ้งความเอาผิดยายและยายทวดใช้ท่อนฟืนตีตบหน้าหลาน ป.4 เขียวช้ำอีกฝ่ายรับตีจริงเพราะอยากให้หลานไปเรียน (เบลอหน้าแหล่งข่าว)

ป้า โร่แจ้งตำรวจ สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เอาผิดยายและยายทวดใช้กำลังฉุดกระชากไม้ท่อนฟืนตีและตบหน้าหลานชาย ป.4 มีรอยเขียวช้ำทั้งขา ลำตัว ใบหน้า พ่อทำงานที่ต่างจังหวัดเผยรับไม่ได้ยันเอาผิดตาม กม. พร้อมลั่นห้ามครอบครัวอดีตภรรยายุ่งกับหลานอีก ด้านยายทวดรับตีจริงเพราะห่วงหลานอยากให้ไป ร.ร. หลังครูบอกขาดเรียนบ่อย แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่พอใจก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวอีก

วันที่ 27 ส.ค. 2566 น.ส.ศรัญญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาวอำเภอลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นป้าของ ด.ช.กาแฟ อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ลำปลายมาศ เข้าแจ้งความที่ สภ.ลำปลายมาศ ให้ดำเนินคดีกับ นางเอ อายุ 67 ปี และนางบี อายุประมาณ 50 ปี ซึ่งเป็นยาย และยายทวด ของ ด.ช.กาแฟ โดยกล่าวหาว่ายาย และยายทวด ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ด.ช.กาแฟ ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ด้วยการใช้ไม้ท่อนฟืนตีที่ขา ลำตัว ทั้งใช้มือตบหน้า และใช้กำลังดึงกระชากให้ขึ้นรถซาเล้งเพื่อบังคับให้ไปโรงเรียน จนหลานมีรอยเขียวช้ำตามขา ลำตัว หน้าผาก ใบหน้า และหูเป็นรอยแผลคาดถูกเล็บข่วน

น.ส.ศรัญญา บอกว่า หลังจากที่พ่อแม่ของน้องกาแฟ แยกทางกัน ตั้งแต่หลานยังเล็ก น้องกาแฟก็อาศัยอยู่ที่บ้านปู่กับย่า ช่วงที่น้องชาย ซึ่งเป็นพ่อของน้องกาแฟไปทำงานต่างจังหวัด คนในครอบครัว ก็ช่วยกันดูแลส่วนพ่อน้องก็จะส่งเงินมาเป็นค่าเลี้ยงดูตลอด แต่ถึงแม้พ่อและแม่หลานจะแยกทางกัน แต่เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้กัน ที่ผ่านมาหลานก็จะไปกินข้าวไปเล่นที่บ้านยายและยายทวดประจำ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แต่ตอนเช้าของวันที่ 25 ส.ค.66 ที่ผ่านมา ยายทวด ก็เข้ามาในบ้านบอกให้หลานไปเรียน แต่น้องกาแฟ บอกว่า ไม่อยากไปและเพราะจะไปหาปลากับเพื่อนซึ่งน้องบอกว่าได้ขออนุญาตอาแล้ว แต่พอน้องบอกว่าไม่อยากไปยายทวด ก็ใช้ไม้ท่อนฟืนตีหลานซึ่งจำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง ทั้งดึงกระชากออกไปนอกบ้านหลานก็ไปกอดเสาไว้และร้องไห้ เพราะไม่อยากไปแต่ยายทวดก็ยังกระชากให้หลานไปขึ้นรถ จยย.ซาเล้ง ที่ยาย อีกคนขับมาจอดรอหน้าบ้าน จากนั้นทั้งยาย และยายทวดก็ตบหน้าและบังคับหลานขึ้นรถแต่หลานก็ดิ้นขัดขืนและร้องไห้ ซึ่งตนก็เห็นเหตุการณ์ตลอดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเห็นว่าเป็นยาย

ป้า ยังบอกอีกว่า หลานขาดเรียนบ่อยจริงซึ่งคนในบ้านก็พยายามบอกให้ไปเรียน ซึ่งถ้าเขาไม่อยากไปก็บังคับเขาไม่ได้เพราะหลานไม่ชอบให้บังคับ ถ้าพูดกับเขาดีๆ เขาก็จะไป แต่ก็ไม่เคยมีใครใช้กำลังกับหลาน แต่พอยายและยายทวดใช้ไม้ตีหลานจนเป็นรอยเขียวช้ำ ตนก็ต้องบอกกับพ่อของหลาน เมื่อพ่อเขาเห็นภาพก็บอกให้ตนเองไปแจ้งความแทน ส่วนตัวเองก็มองว่ารุนแรงเกินไปน่าจะพูดกันดีๆ

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้วีดีโอคอลคุยกับนายฟาร์ม อายุ 27 ปี พ่อของน้องกาแฟซึ่งทำงานที่ต่างจังหวัด ก็ยืนยันจะดำเนินคดีกับยาย และยายทวดตามกฎหมาย เพราะรับไม่ได้ที่ตีลูกตัวเองเป็นรอยเขียวช้ำขนาดนี้ ถ้าจะอ้างว่าหวังดีอยากหลานไปเรียนก็ควรจะใช้แค่มือตีหรือสั่งสอนเอาก็พอ ไม่ควรจะรุนแรงขนาดนี้ และตนกับอดีตภรรยาก็เลิกกันหลายปีแล้ว ทางครอบครัวตนก็เลี้ยงน้องมาตั้งแต่ยังเล็ก อดีตภรรยาและครอบครัวก็ไม่ควรจะไม่ยุ่งเกี่ยว ยืนยันว่าไม่ไกล่เกลี่ยให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

ด้านนางเอ ยายทวด ก็ยอมรับว่าได้ใช้ไม้ตีหลานจริง แต่ทำไปเพราะเป็นห่วงและหวังดีกับหลาน เพราะครูที่โรงเรียนบอกว่าหลานขาดเรียนบ่อย ไปเรียนแค่อาทิตย์ละ 1- 2 วันเท่านั้น จึงมาตามหลานที่บ้านปู่ย่าให้ไปเรียนเพราะกลัวจะเรียนไม่จบ แต่หลานกลับไม่ยอมไปจึงคว้าไม้ที่วางกับพื้นตีไป 4 – 5 ครั้ง เพราะคิดว่าหลานจะกลัวและจะยอมไปเรียน จากนั้นก็ลากไปขึ้นรถ จยย.ซาเล้งที่ยายขับมาจอดรอรับหน้าบ้านแต่หลานก็ยังไม่ยอมไป ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะทำร้ายหลานที่ผ่านมาก็ดูแลทำกับข้าวให้เงินโรงเรียน และซื้อขนมตลอด และไม่เคยตีหลานเลยครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะอยากให้ไปเรียน แต่เมื่อพ่อเขาไม่พอใจให้ป้าไปแจ้งความเอาผิด ในเมื่อเขาไม่เห็นถึงความหวังดีหลังจากนี้ก็จะไม่ยุ่งกับหลานอีก

ขณะที่ น.ส.นุช อายุ 29 ปี อดีตภรรยาและแม่ของน้องกาแฟ บอกว่า ตนทำงานที่ต่างจังหวัดแล้วแฟนใหม่ของสามีซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของน้อง ก็ส่งข้อความไปบอกว่าเขาเลี้ยงมายังไม่เคยตีขนาดนี้ ตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ตนก็เลยโทรมาถามแม่ซึ่งเป็นยายของน้องว่าเป็นอะไร ยายก็บอกว่าตีน้องเพราะน้องไม่ไป ร.ร. ด้วยความเป็นห่วงทั้งแม่และลูกชาย จึงเดินทางมาจากต่างจังหวัด ซึ่งแม่ก็บอกว่าทำไมเพราะอยากให้หลานไปเรียนเพราะขาดเรียนบ่อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายแจ้งความก็คงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะคุยกันก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ยืนยันว่ายายทำไมเพราะหวังดีกับหลาน