ข่าวการศึกษา

ผอ.สพม.บุรีรัมย์ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ม.1 ถูกหามส่ง รพ.คาดผลพวงยาเสพติดกำชับทุก ร.ร.ทุกแห่งดูแลเด็กใกล้ชิด

ผอ.สพม.บุรีรัมย์ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงนักเรียน ม.1 ถูกหามส่ง รพ.จากอาการหลอนเหม่อลอย หลังมีกระแสข่าวเกิดจากผลพวงยาเสพติดที่เด็กเสพตั้งแต่ ป. 5 ชี้เป็นเพียงคำบอกเล่า เพราะข้อมูลรายงานผลตรวจจาก รพ.เบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แต่ก็ย้ำให้ทุก ร.ร.ร่วมกับผู้ปกครองและชุมชนดูแลเด็กใกล้ชิดเพื่อเฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มงวด ล่าสุดยังรักษาตัวที่ รพ.

ความคืบหน้ากรณีที่ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้นำตัว ด.ช.เจ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ไปส่งโรงพยาบาลห้วยราช เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากพบมีอาการผิดปกติ เหม่อลอย หวาดระแวง และบางครั้งคลุ้มคลั่งตะโกน ทำให้เพื่อนในโรงเรียนตกใจกลัว ทั้งนี้จากการซักประวัติ ด.ช.เจ ยอมรับว่าเคยเสพยาเสพติดมาตั้งแต่อยู่ชั้น ป.5 โดยมีเพื่อนรุ่นพี่ชักชวนไปมั่วสุมตามป่าอ้อยในหมู่บ้าน แต่จากการตรวจปัสสาวะล่าสุดไม่พบสารเสพติดในร่างกาย ส่วนอาการหลอนหวาดระแวงที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นผลพวงจากที่เคยเสพยาเสพติด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (3 พ.ย.66) นายกฤษ ละมูลมอญ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า จากข้อมูลรายงานทราบเบื้องต้นทราบว่า เด็กนักเรียนคนดังกล่าวมีอาการเหม่อลอย ตาแดงผิดปกติ จึงได้พาส่ง รพ. เพื่อให้แพทย์ตรวจรักษา แต่จากผลการตรวจของทาง รพ.ยืนยันว่าไม่พบสารเสพติดในร่างกาย ส่วนอาการที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากอาการทางสมองและภาวะจิตใจ แต่อย่างไรก็ตามก็ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากทาง สพม. ร่วมกับทางโรงเรียน ลงพื้นที่ไปสอบหาข้อเท็จจริงว่าอาการที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร ส่วนข้อมูลข่าวที่ระบุว่าเด็กเสพยาเสพติดมาตั้งแต่ ป.5 นั้น ก็ต้องตรวจสอบย้อนหลังกลับไปยังโรงเรียนเดิมว่าเคยมีข้อมูลประวัติเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งก็ต้องหาข้อมูลให้รอบด้านเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง

ผอ. สพม.บุรีรัมย์ ยังระบุอีกว่า ถึงแม้ขณะนี้จะยังไม่ยืนยันว่าอาการที่เด็กเป็นเกิดจากผลพวงของยาเสพติดหรือไม่ แต่ก็ได้กำชับให้สถานศึกษาทุกแห่งในสังกัด ได้เพิ่มมาตรการในการตรวจตราดูแลเด็กนักเรียนให้เข้มงวดมากขึ้น ด้วยการร่วมกับผู้ปกครองและชุมชนสอดส่องดูแลพฤติกรรมเด็กใกล้ชิดมากขึ้น จากปกติที่มีมาตรการดูแลอยู่แล้ว ทั้งการออกเยี่ยมบ้าน สังเกตพฤติกรรม ตรวจตราสิ่งของหรือกระเป๋านักเรียน ก็อาจจะทำให้ถี่หรือต่อเนื่องมากขึ้น เพื่อร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เด็กเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมาย