วิถีชีวิต

บุรีรัมย์ แล้งร้อนจัดน้ำมูลลดฮวบกระทบสัตว์น้ำธรรมชาติชาวบ้านที่มีอาชีพหาปลาบริโภคขายเดือดร้อน

ชาวบ้าน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ที่มีอาชีพหว่านแหหาปลาในลำน้ำมูล เพื่อนำไปประกอบอาหารบริโภคในครัวเรือน และขายตามท้องตลาด ประสบปัญหาเดือดร้อนหลังลดน้ำมูลลดต่ำลงบวกกับสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้สัตว์น้ำธรรมชาติหดหาย หว่านแหได้ปลาน้อยลด จากที่เคยหาได้วันละ 10-20 ก.ก. ปัจจุบันเหลือแค่วันละ 1-2 ก.ก. บางคนพไม่พอเลี้ยงชีพต้องไปหารับจ้างแทน

(18 เม.ย.67) ชาวบ้านที่มีอาชีพหว่านแหหาปลาในแม่น้ำมูล อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เพื่อนำไปประกอบอาหารบริโภคในครัวเรือน และขายตามท้องตลาดเพื่อเลี้ยงครอบครัว กำลังประสบปัญหาเดือดร้อน เนื่องจากปัญหาภัยแล้งและสภาพอากาศที่ร้อนในช่วงนี้ ส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำโดยเฉพาะปลาชนิดต่างๆ ตามธรรมชาติมีปริมาณน้อยลงและตัวเล็กลง จากปกติจะเคยหว่านแหหาปลาได้วันละ 10 – 20 กิโลกรัม หากนำไปขายก็จะได้วันละ 1,000 – 2,000 บาท หลังจากสถานการณ์ภัยแล้งน้ำมูลลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว และสภาพอากาศที่ร้อนจัดอุณหภูมิเฉลี่ย 30 – 40 องศาเซลเซียส ก็หว่านแหหาปลาได้น้อยลงเหลือวันละ 1 – 2 กิโลกรัมเท่านั้น จึงไม่พอที่จะนำไปขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว หลายคนจึงชะลอการหาปลาไปก่อนแล้วไปหารับจ้างเพื่อหารายได้อื่นเลี้ยงครอบครัวแทน

นายมิตร จันทร์เตี้ย ชาวบ้านชุมชนชาวประมง อ.สตึก บอกว่า หลังจากน้ำมูลลดต่ำลงและปีนี้สภาพอากาศร้อนมาก ก็ส่งผลให้กับอาชีพหว่านแหหาปลาเพราะปลาที่มีตามธรรมชาติลดน้อยลงหายากขึ้น และมีขนาดตัวเล็กลงกว่าเดิม จากเมื่อก่อนเคยหาปลาได้วันละ 10 – 20 กิโลกรัม ช่วงนี้เหลือแค่วันละ 1 – 2 กิโลกรัมเท่านั้น ก็ได้แค่ประกอบอาหารบริโภคเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะนำไปขายเลี้ยงครอบครัวได้ บางวันก็ต้องไปหารับจ้างหรืองานอย่างอื่นทำเพื่อหารายได้เสริมแทน