ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์กำชับทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ระยะ 3 ยืนยันยังไม่พบผู้ป่วยในพื้นที่ พร้อมงดการจัดกิจกรรมเล่นสาดน้ำที่บริเวณถนนข้าวกล่ำ แต่ยังคงสืบสานงานประเพณีทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล ย้ำกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือและออกกำลังกายป้องกันโควิด-19
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดกาฬสินธุ์ ครั้งที่ 2/2563 เพื่อเตรียมรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ระยะ 3 ระดับภูมิภาคและระดับชาติเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีนายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานการประชุม มีนายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นเลขานุการ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญของจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นการสื่อสารให้กับหน่วยงานทุกหน่วยงาน ให้เกิดความเข้าใจตรงกันถึงสถานการณ์ปัจจุบันของโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สถานการณ์โควิค-19 ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ปัจจุบันยัง ไม่พบผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่รับรู้ข้อมูลข่าวสารควรจะมีการป้องกันตัวเอง อย่างตื่นตระหนักจนเกินไป และปฏิบัติตนง่าย ๆ ด้วยการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือและออกกำลังกายตามความเหมาะสมของสภาพร่างกาย เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับการใช้หน้ากากอนามัยควรมีการใช้ในผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ป่วย สามารถผลิตหน้ากากผ้าใช้เองได้ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในพื้นที่แออัดหรือพื้นที่ที่มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยจังหวัดกาฬสินธุ์ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการจัดทำหน้ากากผ้า ซึ่งจะสามารถส่งมอบหน้ากากผ้าให้กับประชาชนได้ครบทั้ง 1,584 หมู่บ้าน สำหรับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จังหวัดกาฬสินธุ์จะงดการจัดกิจกรรมเล่นสาดน้ำที่บริเวณถนนข้าวกล่ำ แต่ยังคงสืบสานงานประเพณีทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล
อย่างไรก็ตามส่วนกรณีแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงหลังวันที่ 8 มีนาคม 2563 จะต้องดำเนินการตามมาตรการ โดยในพื้นที่กาฬสินธุ์ มีอยู่ 3 ราย ซึ่งขณะเข้าสู่สถานที่กักตัวดูอาการที่โรงพยาบาลยางตลาด ส่วนแรงงานที่เดินทางกลับมาก่อนหน้านี้ก่อนวันที่ 8 มีนาคม 2563 นั้นจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.และอำเภอเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดในการขอความร่วมมือกักตัวเองที่บ้านเป็นเวลา 14 วันเช่นกัน ทั้งนี้แรงงานทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการกักตัวไว้ดำเนินการมาตรการเท่านั้น ไม่ใช่เป็นผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อแต่อย่างใด ประชาชนอย่างได้วิตกกังวล
ด้านนายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า กรณีของแรงงานไทย ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงแล้วต้องเข้าสู่สถานที่กักตัว ขอย้ำว่าผู้ที่ถูกกักตัว ไม่ใช่ผู้ติดเชื้อ เป็นเพียงการกักตัวเพื่อ เฝ้าดูอาการตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรคเท่านั้น ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด ข้อมูลข่าวสาร โควิด-19 ได้ที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค หรือสํานักงานสาธารณสุข และโรงพยาบาลทุกแห่ง ในพื้นที่