มวลน้ำจาก ‘ลำน้ำมาศ’ เอ่อล้นทะลักท่วมถนน 226 สายลำปลายมาศ-ห้วยแถลง เชื่อมต่อบุรีรัมย์-โคราช ช่วงคอสะพานข้ามลำมาศ สูงกว่า 20-30 ซม. เปิดให้รถวิ่ง 1 ช่องทาง ทั้งยังเอ่อท่วมวัด บ้านเรือนแล้วกว่า 100 หลังคาเรือน ขณะเจ้าหน้าที่ อบต.และกู้ภัย จัดเวรยาม คอยอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชม.
วันที่ 3 ต.ค.65 ถึงแม้พายุโนรู จะเคลื่อนตัวผ่านประเทศไทยไปแล้ว แต่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมวลน้ำจากลำปะเทีย และน้ำเหนือจาก อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ได้ไหลมาสมทบลงลำน้ำต่างๆ ในพื้นที่จ.บุรีรัมย์ ส่งให้ปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดนำในลำน้ำมาศได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมทางหลวงหมายเลข 226 สาย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ กับ อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา บริเวณสะพานข้ามลำน้ำมาศ ช่วงบ้านหนองคู ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
โดยน้ำได้ท่วมผิวถนนก่อนถึงสะพาน และท่วมบริเวณคอสะพานข้ามลำมาศสูงกว่า 20-30 เซนติเมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่หมวดการทางลำปลายมาศ ร่วมกับ อบต.หนองคู กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครกู้ภัยในพื้นที่ ต้องคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้กับประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนสัญจรข้ามสะพานลำปลายมาศ ตลอด 24 ชม. โดยได้เปิดให้รถวิ่งเพียง 1 ช่องทางจราจรเท่านั้น และให้รถวิ่งอย่างช้าๆ เนื่องจากอีก 1 ช่องทาง กับไหล่ทางมีท่วมขังสูงและไหลเชี่ยว เกรงว่าผู้สัญจรจะได้รับอันตรายจากกระแสน้ำ แต่ขณะนี้รถเล็กยังสามารถผ่านไปได้แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้อีกหรือไม่ หากระดับน้ำสูงเข้าขั้นจะเกิดอันตรายก็อาจจะต้องปิดเส้นทางเพื่อความปลอดภัยของผู้สัญจร นอกจากนี้น้ำมูลยังได้เอ่อท่วมวัดสง่าท่าชลนที ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ติดกับลำมาศ และติดกับสะพานข้ามลำมาศ สูงกว่า 1.5 เมตรด้วย
ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าในพื้นที่อำเภอลำปลายมาศมีบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำเอ่อท่วมแล้วกว่า 100 หลัง มีถนนสัญจรถูกน้ำท่วมกัดเซาะเสียหาย 2 เส้นทาง คือ ถนนสายทางไปวัดวัดหลวงปู่วัดสะพานทอง และสายใต้สะพานทางรถไฟบ้านหนองมันปลา หมู่ 3 ต.ลำปลายมาศ
ขณะที่นายอำเภอลำปลายมาศ ได้ประสานนายก อบต.และเทศบาล ในแต่ละพื้นที่ที่มีน้ำท่วม ให้เร่งนำถุงยังชีพเข้าไปมอบช่วยเหลือชาวบ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมนำกระสอบทรายแจกจ่ายให้ชาวบ้านทำแนวกันน้ำ นำเรือท้องแบนบริการชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ และเร่งสำรวจความเสียหายรายงานไปยังอำเภอ และจังหวัดเร่งพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป