คิกออฟ 8 ตำบล 85 หมู่บ้านร่วมบูรณาการป้องกันโรคระบาดไข้เลือดออก พิษสุนัขบ้า และโควิด 19 ขณะที่หลายภาคส่วนจับมือร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้านนายอำเภอสหัสขันธ์ สั่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. รีเอ็กซเรย์ค้นหาผู้ขาดแคลน เดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากผ้า ย้ำไม่ประมาท การ์ดไม่ตก
วันที่ 23 พ.ค. 63 นายตระกูล หนูนิล นายอำเภอสหัสขันธ์ พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ ไชยศรี สาธารณสุข อ.สหัสขันธ์ นายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผอ.รพ.สหัสขันธ์ นางเย็นจิตร จองหนาน พัฒนาการ อ.สหัสขันธ์ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อ.สหัสขันธ์ และผู้นำท้องถิ่นทั้ง 8 ตำบลร่วมกิจกรรมคิกออฟรณรงค์ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก บูรณาการป้องกันควบคุมโรคโควิด19 ควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งเป็นการร่วมบูรณาการจากภาครัฐ เอกชน และประชาชนทุกภาคส่วนในนามจิตอาสาอำเภอสหัสขันธ์ ที่ร่วมมือกันป้องกันโรคระบาดในแนวทางเดียวกันทั้ง 8 ตำบล 85 หมู่บ้าน
นายตระกูล หนูนิล นายอำเภอสหัสขันธ์ กล่าวว่า ตามที่จังหวัดกาฬสินธุ์ได้ออกประกาศฉบับที่ 5 เรื่องให้ทุกคนในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์สวมหน้ากาก ที่เน้นย้ำให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากเคหสถาน ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามประกาศ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ซึ่งเหตุนี้เองจึงได้สั่งการให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. รีเอ็กซเรย์ทุกครัวเรือนในพื้นที่ อ.สหัสขันธ์ เพื่อสำรวจหน้ากากผ้าของประชาชนในหมู่บ้าน ทั้ง 8 ตำบล ซึ่งหากยังขาดแคลน หรือมีไม่เพียงพอจะเร่งส่งรายงานไปยังจังหวัดเพื่อขอรับการสนับสนุนในทันที โดยจะเปิดเป็นปฏิบัติการเคาะประตูบ้านรีเอ็กซเรย์หาผู้ขาดแคลนหน้ากากผ้า พร้อมรณรงค์ให้ใช้หน้ากากผ้าที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายของประชาชนได้ และกระตุ้นให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากผ้าให้เป็นปกติ ไม่ประมาท การ์ดไม่ตก ที่จะต้องเคร่งครัดจนเป็นปกติ
นายอำเภอสหัสขันธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในส่วนของโรคระบาดอื่น ๆ ตามฤดูกาลทั้งโรคไข้เลือดออก และโรคพิษสุนัขบ้า ยังต้องเข้าไปควบคุมป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด เนื่องจากในปี 2562 ที่ผ่านมา พื้นที่อ.สหัสขันธ์ ผู้สถิติตัวเลขของผู้ป่วยจากโรคระบาดตามฤดูลกาลสูง ทั้งนี้มอบนโยบายให้ อสม. ปฏิบัติงานร่วมกับทางกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเฝ้าระวังป้องกันการระบาดของโรคในพื้นที่ ขณะเดียวกันได้สนับสนุนให้ประชาชนได้มีความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการน้อมนำแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการปลูกพืชผักสวนครัวไว้รับประทานเอง ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและมีความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ศูนย์อำนวยการต้านโรคเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ได้รายงานตัวเลขใหม่วันนี้ซึ่งพื้นที่อ.สหัสขันธ์ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ มียอดรวมผู้เดินทางเข้ามายังพื้นที่ทั้งหมด 1,645 สิ้นสุดการกักกันแล้ว 1,467 คน และยังอยู่ในระหว่างการกักกัน 178 คน ขณะที่ยอดผู้คนเดินทางเข้าใหม่เริ่มลดลงจำนวนลง เนื่องจากมาตรการเริ่มผ่อนคลาย วัยแรงงานกลับไปทำงานแล้วส่วนหนึ่ง