เกิดเหตุระทึกสุดเหลือเชื่อ ฟ้าผ่าลงกลางกระท่อมนา ขณะที่ชาวนา 5 คน เข้าไปนั่งหลบในภายในกระท่อมมุงสังกะสีใต้ร่มยูคาลิปตัส กระเด็นไปคนละทิศละทาง ผู้ประสบเหตุหมดสติ 1 ราย ขณะที่อีก 4 รายปลอดภัยราวปาฏิหาริย์ เชื่อปาฏิหาริย์หลวงพ่อนาคปรกหลวงพ่อลายวัดคันธารราษฎร์ ตั้งสติได้รีบนำร่างคนหมดสติขึ้นรถฝ่าฝนออกมาจากกลางทุ่ง ส่งโรงพยาบาลยื้อชีวิต
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 2 มิถุนายน 2563 ด.ต.โสภัณฑ์ ภูพานทอง นายกเทศมนตรีตำบลหัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจป้อมทางหลวงและเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตำบลหัวนาคำจุดหนองทึง ว่ามีชาวบ้านได้มาขอความช่วยเหลือให้นำผู้บาดเจ็บจากเหตุถูกฟ้าผ่า เพศชาย อายุประมาณ 55-60 ปี ซึ่งอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัส สภาพหมดสติ แผ่นหลังเกรียมไหม้ส่งโรงพยาบาลยางตลาด หลังรับแจ้งจึงประสานหน่วยกู้ภัยร่วมใจกาฬสินธุ์ จุดยางตลาด และทีมกู้ชีพเทศบาลหัวนาคำ ร่วมนำส่งโรงพยาบาลยางตลาดเป็นการเร่งด่วน
โดยจากการตรวจสอบ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกฟ้าผ่าดังกล่าว ทราบชื่อคือนายสำรวย หวานเอี่ยม อายุ 57 ปี เป็นชาวบ้านหนองแคน ต.สีสุก อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งจุดที่เกิดเหตุอยู่ภายในกระท่อมนาใต้ร่มยูคาลิปตัส อยู่กลางทุ่งกว้าง เขตรอยต่อ ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กับ ต.สีสุก อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบกระท่อมเล็กๆอยู่ที่ทุ่งนาดังกล่าว หลังคาสังกะสีมีรอยฉีกขาดปลิวหลุดออกและรอยไหม้ เสากระท่อมนาแตก นอกจากนี้ยังพบหมวกของผู้ได้รับบาดเจ็บตกอยู่
จากการสอบถามนายเวียงสันต์ หวานเอี่ยม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 บ้านหนองแคน ต.สีสุก อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ลูกชายของผู้ได้รับบาดเจ็บและอยู่ในเหตุการณ์ กล่าวด้วยอาการที่ยังตกใจและเสียขวัญว่า ตนเป็นบุตรชายของนายสำรวย ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกฟ้าผ่า ซึ่งขณะนี้อาการของพ่อยังอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดของหมอ เนื่องจากถูกฟ้าผ่าลงมาใส่ตัวอย่างจัง จนแผ่นหลังมีรอยไหม้ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และหมดสติในที่เกิดเหตุ
นายเวียงสันต์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุ ตนและนายสำรวย รวมทั้งญาติรวม 5 คน ได้มาช่วยกันไถนาและหว่านเมล็ดข้าวเปลือกตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. ได้มีฝนตกฟ้าร้อง ฟ้าคะนองอย่างหนัก ทุกคนกลัวอันตราย จึงได้พากันวิ่งเข้าไปหลบฝนในกระท่องนาหลังเล็กๆ มุงด้วยสังกะสี ที่ปลูกไว้สำหรับพักผ่อนใต้ร่มยูคาลิปตัส ซึ่งทุกคนก็ได้ปิดโทรศัพท์มือถือด้วย เนื่องจากกลัวอันตรายจากฟ้าผ่า
นายเวียงสันต์ กล่าวต่อว่า จากนั้นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น ในขณะที่ทุกคนนั่งหลบฝนอยู่ดีๆ นายสำรวยเห็นว่าหลังคาสังกะสีถูกลมพัดแรงและขยับออกจากกัน ซึ่งมีน้ำฝนหยดลงมา จึงได้ถือมีดอีโต้ลุกยืนขึ้นแล้วใช้มีดอีโต้เคาะแผ่นสังกะสีให้ชิดกัน จากนั้นก็ได้เห็นแสงไฟแลบแพร่บๆ แล้วเกิดเสียงฟ้าฝ่าดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว จนรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมด พอสิ้นเสียงฟ้าฝ่าทั้ง 5 คนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ส่วนร่างของนายสำรวยนั้นนอนสลบแน่นิ่งคาที่ พอตั้งสติได้จึงรู้ว่าถูกฟ้าผ่า และรีบพานายสำรวยขึ้นรถกระบะ ขับออกจากที่เกิดเหตุมาตามถนนลูกรัง ที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อโคลนเลนระยะทางประมาณ 3 กม.จนถึงป้อมตำรวจทางหลวงและขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลหัวนาคำดังกล่าว
นายเวียงสันต์ กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่นายสำรวยถูกฟ้าฝ่าครั้งนี้ ตนคิดว่าน่าจะเป็นเพราะถือมีดอีโต้ซึ่งเป็นเหล็ก และเป็นสื่อนำกระแสไฟฟ้า เป็นจังหวะประจวบกันพอดีที่ถือมีดอีโต้เคาะสังกะสี ที่ประจุไฟฟ้าแล่นผ่านมาพอดี จึงเกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าดังกล่าว และนายสำรวยได้รับบาดเจ็บสาหัสคนเดียว ขณะที่ตนกับญาติอีก 3 คน ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร นอกจากอาการช็อคด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่มาถามเหตุการณ์และรู้ว่าตนและญาติปลอดภัย เชื่อว่าคงเป็นเพราะตนได้ห้อยพระนาคปรกหลวงพ่อลาย ต.คันธารราษฏร์ อ.กันทรวิชัย จึงช่วยปกป้องและรอดพ้นอันตรายจากการถูกฟ้าผ่าครั้งนี้อย่างปาฏิหาริย์
ด้านนายแพทย์วรวิทย์ เจริญพร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยางตลาด กล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นฤดูฝน ที่มักจะเกิดเหตุฟ้าฝ่านั้น ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะชาวนา ได้ระมัดระวังเหตุดังกล่าว โดยเฉพาะขณะเกิดฝนตก ฟ้าคะนอง ต้องไม่อยู่ในที่โล่ง ไม่พกพาโทรศัพท์มือถือ หรือวัตถุสิ่งของที่เป็นโลหะหรือสื่อนำไฟฟ้าทุกชนิด หากอยู่ในที่โล่ง ไม่มีที่หลบ ก็ให้นอนราบกับพื้น เพื่อที่จะไม่ตกเป็นสื่อกลางให้ประจุไฟฟ้าผ่านตัว ที่จะเป็นชนวนให้เกิดฟ้าฝ่าได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีนายสำรวยที่เป็นคนไข้ถูกฟ้าผ่ามาเข้ารับการรักษานั้น อาการยังอยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และยังไม่พ้นขีดอันตราย เนื่องจากเกิดภาวะช็อค หมดสติฉับพลัน และยังไม่รู้สึกตัว ทั้งนี้ ได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์แล้ว