ที่โรงเรียนสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการให้บริการรับคำร้องขอออกโฉนดเพื่อการเกษตร โดยมีนายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพีรพันธ์ คอทอง รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพิสิษฐ์ แร่ทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าร่วม มีเกษตรกรจากพื้นที่อำเภอส่องดาวและอำเภอสว่างแดนดิน กว่า 4,000 รายมารับบริการ
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสกลนคร ได้ประกาศเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดิน จำนวน 1,301,698 ไร่ ในพื้นที่ 18 อำเภอ 77 ตำบล คิดเป็นร้อยละ 21.68 ของเนื้อที่ทั้งจังหวัด และร้อยละ 39.38 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมด มีผลการดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสกลนคร ที่ผ่านมาได้ดำเนินการปฏิรูปที่ดินแล้ว 18 อำเภอ 74 ตำบล เนื้อที่ดำเนินการที่ดินของรัฐ จำนวน 1,090,658 ไร่ เกษตรกรได้รับการอนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินแล้ว จำนวน 81,832 ราย 114,723 แปลง 993,757 ไร่ และดำเนินการที่ดินเอกชน จำนวน 6 แปลง เนื้อที่ ประมาณ 47 ไร่ และได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาอาชีพให้เกษตรกรสามารถประกอบอาชีพในแปลงเกษตรกรรมของตนได้อย่างยั่งยืน
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานบูรณาการ ได้ให้ความสำคัญกับการจัดที่ดินทำกินให้เกษตรกร และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อเป็นการแสดงสิทธิ์การเข้าทำประโยชน์ในที่ดินตามกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ตลอดจนการรับคำขอออกโฉนดเพื่อการเกษตร เพื่อให้เกษตรกร สามารถเข้าถึงสิทธิและแหล่งเงินทุนมากขึ้น รวมทั้งมีการส่งเสริมพัฒนาอาชีพตามศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้ราษฎรมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยตนได้ลงนามเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายใน 15 ธันวาคม 2566 ซึ่งจะทำให้พี่น้องเกษตรกรได้รับโฉนดพร้อมกันทั่วประเทศไทยในวันที่ 15 มกราคม 2567 อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังมีแนวทางการจัดทำโฉนดต้นไม้ ที่เป็นไม้เศรษฐกิจ ที่จะสร้างมูลค่าให้กับเจ้าของที่ดิน ซึ่งหลังจากทำเรื่องโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตรแล้ว จะทำเรื่องโฉนดต้นไม้ต่อไป นอกจากนี้ จากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลทำให้เกิดความแห้งแล้ง ได้มีข้อสั่งการไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมชลประทาน เตรียมความพร้อม รองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้เป็นประธานในการมอบสัญญาและกรรมสิทธิ์โคกระบือแก่เกษตรกร ตามโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมปศุสัตว์ โดยเป็นกรรมสิทธิ์แม่โค จำนวน 546 ราย และกรรมสิทธิ์แม่กระบือ จำนวน 266 ราย รวมเป็น จำนวน 812 ราย คิดเป็นมูลค่า 23,548,000 บาท และมอบสัญญายืมโค-กระบือเพื่อการผลิต จำนวน 1,173 ตัว เป็นโค จำนวน 718 ตัว กระบือ จำนวน 355 ตัว รวมเป็นมูลค่า 30,754,000 บาท พร้อมทั้งยังได้มอบพันธุ์ปลา และปัจจัยการผลิต ตลอดจนเยี่ยมชมนิทรรศการ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์