ข่าวการเมือง

บุรีรัมย์ “เต้ มงคลกิตติ์” บุกถิ่น ภท.ขึ้นรถแห่ไฮปาร์ครอบเมืองขอคะแนนพรรคพร้อมยินดีชาวบุรีรัมย์ได้เขากระโดงคืน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นำคณะฯ ลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยทันทีที่เดินทางมาถึงได้เข้าไหว้สักการะศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ เพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะขึ้นรถแห่จากบริเวณศาลหลักเมืองไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อปราศรัยนโยบายพรรคขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนชาวบุรีรัมย์ ให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ เบอร์ 42 ทั้งนี้ได้ลงไปพบปะทักทายกับแม่ค้าลูกชิ้นยืนกินบนสถานีรถไฟด้วย

โดยพรรคไทยศรีวิไลย์มีนโยบายหลักๆ 13 ด้าน 1.ด้านเศรษฐกิจ กองทุนแห่งชาติเก็บจาก Vat 7 เปอร์เซ็นต์ ปล่อยกู้ครอบครัวละ 1.5 หมื่น ดอกเบี้ย 0.01 เปอร์เซ็นต์ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนหมู่บ้านละ 20 ล้าน 2.รัฐสวัสดิการ ยกเว้นค่าเล่าเรียน เบี้ยคนชรา 5,000 บาทต่อเดือน สวัสดิการ อสม.อปพร. และทหารผ่านศึกเดือนละ 3,000 บาท 3.ด้านพลังงานเพื่อลดค่าครองชีพและด้านเกษตรกรรมเพื่อลดต้นทุนสินค้าเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกินลิตรละ 25 บาท ค่าไฟฟ้าไม่เกินหน่วยละ 4 บาท ก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กก.ไม่เกิน 350 บาท 4. ด้านกระบวนการยุติธรรม 5. ด้านปราบปรามยาเสพติด 6. แก้หวยสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา 7. จัดตั้งกระทรวงแพทย์แผนไทย 8.จัดตั้งธนาคารแรงงาน 9. บุตรพ่อแม่ของแผ่นดิน 10. จัดตั้งธนาคารกลางรวมหนี้ของข้าราชการ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 2.5 เปอร์เซ็นต์ 11. เพิ่มเบี้ยผู้พิการเป็น 3,000 บาท 12. นโยบายเพื่อพี่น้องมุสลิม งบเดินทางไปประกอบพิธีอัจญ์ไม่เกิน 200,000 บาทต่อคน(ครั้งเดียวในชีวิต) และ 13. นโยบายกัญชา กำหนดใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น

นายมงคลกิตติ์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่หาเสียงที่จ.บุรีรัมย์ โดยเดินทางมาสักการะที่ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ ตามธรรมเนียมเพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ปกปักษ์รักษาคุ้มครองพี่น้องชาวบุรีรัมย์ และขอให้ประชาชนชาวบุรีรัมย์มีความสุข สุขภาพแข็งแรงอายุยืน และอำนวยพรให้พรรคไทยศรีวิไลย์ ขอให้พี่น้องชาวบุรีรัมย์ช่วยเลือกหมายเลข 42 พรรคไทยศรีวิไลย์ เพราะพรรคไทยศรีวิไลย์ก็ทำหน้าที่เพื่อพี่น้องชาวบุรีรัมย์ ในช่วงที่เป็นฝ่ายค้าน 3 ปี ซึ่งก็เป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะได้เขากระโดงคืนสู่การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งมีคำสั่งศาลแล้วก็คิดว่าคงไม่มีใครขัดคำสั่งศาล ส่วนตัวก็ได้อภิปรายในสภาหลายรอบ เพราะฉะนั้นใครทำความดีก็ได้ดี ใครทำความชั่วก็ได้ชั่ว สิ่งถูกสิ่งผิดศาลท่านตัดสินอยู่แล้ว หลังจากนี้ตนก็เชื่อว่า พื้นที่เขากระโดง 5,083 ไร่ก็คงตกเป็นขอการรถไฟ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจะมีการจัดสรรเป็นแบบใด อาจจะมีการจัดสรรสนามไอโมบายแบบเซ็นทรัลลาดพร้าวก็ได้คือเป็นแบบเช่า เพียงแต่ว่าเปลี่ยนเจ้าของ ซึ่งเจ้าของอาจจะเป็นการรถไฟแต่คนบริหารจัดการอาจจะเป็นการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็ต้องขอขอบคุณคนที่ลงทุนไปแล้วด้วย ซึ่งชาวบุรีรัมย์ก็จะยังคงได้สนามฟุตบอลและสนามแข่งรถเหมือนเดิม แต่ในรูปแบบของรัฐหรือรัฐจะให้เอกชนเช่าทำก็ว่ากันไป เพื่อเอาเงินเข้ารัฐเพราะรัฐมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ

ส่วนประเด็นเรื่องกัญชา ก็เป็นห่วงพี่น้องชาวบุรีรัมย์เชื่อว่าคนส่วนใหญ่อยากใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์เท่านั้น ไม่อยากใช้เพื่อสันทนาการเพราะเท่าที่ดู โดยเฉพาะกลุ่มที่เสพเชื่อว่าจะทำให้สมองความคิดความอ่านช้าลง ควรจะเสนอให้ประกาศยกเลิกกัญชาเสรี ให้กัญชาเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม

โดยทั้งประเทศพรรคไทยศรีวิไลย์ ส่งผู้สมัครลง 35 จังหวัด 21 บัญชีรายชื่อ ส่วนบุรีรัมย์ไม่ได้ส่งผู้สมัครเขตลง เพราะตั้งตัวแทนยากเพราะมีบ้านใหญ่อยู่ ก็เรียนพี่น้องชาวบุรีรัมย์ถ้าเห็นฝีมือมงคลกิตติ์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาหลายรอบ ก็ฝากพรรคไทยศรีวิไลย์ หมายเลข 42 ก็รู้อยู่แล้วว่าผมกล้าทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ใหญ่แค่ไหนก็ไม่กลัวเพราะผมไม่เคยกลัวใคร ส่วนตัวตั้งเป้าไว้อยากให้ได้เกิน 25 คน เรื่องจริงจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ก็ฝากพี่น้องประชาชนให้เลือกพรรคที่ไม่ซื้อเสียง ที่ลงมาหาเสียงบุรีรัมย์ครั้งนี้ก็ไม่ได้กลัวอะไรอยู่แล้ว