ข่าวการเมือง

นครพนม ครูแก้ว ศุภชัย โพธิ์สุ บุกร้อง กกต. เอาผิดเศรษฐา และพวก ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภชัย โพธิ์สุ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย เขต 2 นครพนม พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับกกต.จังหวัดนครพนมเพื่อขอให้สอบสวนเอาผิดกับนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่ผู้สมัครนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย พร้อมพวกอีก 3 คน โดยกล่าวหาว่าทั้งหมดกระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง โดยมี นายสมพล พงษ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต. จังหวัดนครพนมเป็นผู้รับเรื่อง

โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องมาร้องเรียนในครั้งนี้เนื่องจากนายเศรษฐา พร้อมพวกอีก 3 คนคือนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ และนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งขณะปราศรัยช่วยผู้สมัคร พรรคเพื่อไทยหาเสียงที่จังหวัดนครพนมเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 โดยตนมีหลักฐานเป็นคลิปบันทึกการปราศรัยในวันดังกล่าวมาแสดงต่อ กกต.จังหวัดนครพนมด้วย ซึ่งเนื้อหาในการปราศรัยในครั้งนั้นเป็นการใส่ร้ายป้ายสีตนและพรรคภูมิใจไทย และเป็นการพูดบิดเบือนข้อเท็จจริงจนประชาชนอาจเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองนครพนมไว้แล้วเพื่อให้ดำเนินคดีทางอาญากับบุคคลดังกล่าว และวันนี้ก็ได้นำหลักฐานการกระทำผิดมามอบให้กับทาง กกต.จังหวัดนครพนม และส่งหลักฐานทั้งหมดให้กับ กกต.กลาง ผ่านทาง กกต.จังหวัดนครพนมอีกด้วย

ด้านนายสมพล พงษ์พิพัฒน์ ผอ.สนง.กกต.จังหวัดนครพนมกล่าวหลังได้รับหนังสือว่า ทางกกต.จังหวัดมีกรอบเวลาในการพิจารณาข้อร้องเรียนต่าง ๆ แต่ละเรื่องจะต้องพิจารณาสรุปให้แล้วเสร็จภายใน 55 วัน หลังจากนั้นก็ส่งเรื่องให้ กกต.กลางพิจารณาวินิจฉัยต่อไป

โดยข้อกล่าวหาของนายศุภชัย ในครั้งนี้ได้กล่าวหาว่านายเศรษฐา ทวีสินและพวก ได้กระทำผิดต่อพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๖ มาตรา ๑๒ (แก้ไขเพิ่มเติม) ประกอบกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๓ (๕) ที่ได้ระบุไว้ว่า ” ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใด กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด ให้งดเว้นการลงคะแนนให้ผู้สมัคร หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ … (๕) หลอกลวงบังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ขอให้ กกต.ลงโทษผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ฉบับที่ 2)พ.ศ.2566 มาตรา 12 ประกอบกับ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (5) และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ข้อ 18 (3)