วันที่ 12 ตุลาคม 2566 ที่วัดสว่างสุวรรณาราม อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนประชาชนชาวจังหวัดนครพนม ร่วมกันทำกิจกรรม วัด ประชา รัฐ สร้างสุข เทิดพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เนื่องในวันนวมินทรมหาราช ซึ่งเป็นวันที่มีความสำคัญและมีที่มาจากวันที่ 13 ตุลาคม 2566 เป็นวันแห่งการเสด็จสวรรคตครบ 7 ปี หรือเรียกว่า สัตตมวรรษ และเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตว่า วันนวมินทรมหาราช ตามที่รัฐบาลได้ขอพระราชทานพระมหากรุณา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 รับทราบการกำหนดให้วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันนวมินทรมหาราช
โดยกิจกรรมในครั้งนี้เริ่มขึ้นด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในเรื่องของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การสร้างแหล่งอาหารไว้รับประทานในครัวเรือน ซึ่งถือเป็นฐานและต้นทุนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคน มาสร้างเป็นต้นแบบให้พุทธศาสนิกชนได้เรียนรู้ในพื้นที่วัด โดยพระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณารามได้เมตตาให้ใช้พื้นที่บางส่วนด้านข้างศูนย์ส่งเสริมหัตถกรรมพื้นเมือง ทอผ้ามุก ทำแปลงพืชผักสวนครัวให้พุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญที่วัดได้เรียนรู้และนำไปทำตาม รวมถึงได้เก็บผลผลิตที่จะเกิดขึ้นจากกิจกรรมในครั้งนี้ไปปรุงอาหารรับประทานในครอบครัว และนำมาถวายพระภิกษุ สามเณร ที่เป็นผู้เผยแผ่หลักธรรมทางพุทธศาสนาให้ชาวบ้านได้เข้าใจในการดำรงชีวิตอย่างสงบและเป็นสุขได้ฉัน เป็นการส่งเสริม สนับสนุน ที่ก่อให้เกิดการเกื้อหนุน การพึงพาอาศัยซึ่งกันและกัน กลายเป็นหนึ่งเดียวในสังคมที่มีแต่ความสงบสุขและความยั่งยืน จากนั้นได้ร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เช็ดทำความสะอาดกระจก หน้าต่าง เก็บขยะ และทำความสะอาดบริเวณโดยรอบวัดให้มีความสะอาดและสวยงาม
ทั้งนี้ วัดสว่างสุวรรณาราม มีชื่อเดิมว่า วัดโพธิ์ชัย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2477 โดยมีที่มาจากเมื่อครั้งอดีตเกิดโรคระบาดทำให้ชาวบ้านโพนแดงล้มตายจำนวนมาก จึงได้ย้ายบ้านมาตั้งหมู่บ้านใหม่ชื่อว่าบ้านโพนสว่าง ต่อมาเมื่อหมู่บ้านเป็นปึกแผ่น ชาวบ้านจึงได้หารือกันสร้างวัดขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคน โดยได้พากันไปถากถางบริเวณป่าโนนหัวแสงเพื่อสร้างวัดจากนั้นพากันสร้างกุฎิขึ้นมา 1 หลัง และศาลาชั่วคราวพอได้ทำบุญ พร้อมได้ไปนิมนต์พระอุดรจากวัดบ้านโพนแพงมาอยู่จำพรรษา กระทั้งปี พ.ศ. 2480 ได้รับอนุญาตตั้งเป็นวัดโดยสมบูรณ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2488 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมวัดใหม่ มีการก่อสร้างกุฎิสงฆ์ ศาลาการเปรียญใหม่ จึงได้เห็นพร้องต้องกันว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็นวัดสว่างสุวรรณาราม