ข่าวสังคม

บุรีรัมย์ พ่อหนุ่มแรงงานเฝ้ารอลูกถูกจับเป็นตัวประกันกว่า 2 เดือนกลับสู่อ้อมกอดหลังทางการแจ้งอาจได้รับอิสรภาพก่อนปีใหม่

พ่อหนุ่มแรงงานชาว อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ เฝ้ารอลูกชายถูกฮามาสจับเป็นตัวประกันติดต่อไม่ได้นานกว่า 2 เดือนกลับสู่อ้อมกอดอีกครั้ง หลังทางการแจ้งว่าปลอดภัยและอาจได้รับอิสรภาพก่อนปีใหม่ เผยถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิต หลังรอมานานกว่า 2 เดือนแบบไม่รู้ชะตากรรม

วันที่ 18 ธ.ค. 2566 นายวิลาศ แทนนา อายุ 63 ปี ชาวตำบลบ้านคู อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ที่มีอาชีพทำนาและเก็บของเก่าขาย ซึ่งเป็นพ่อของนายพงษ์ศักดิ์ แทนนา อายุ 35 ปี หนึ่งในแรงงานไทยที่ทำงานอยู่อิสราเอล และถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.66 ที่เกิดเหตุการณ์สู้รบวันแรก ไม่สามารถติดต่อได้จนถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ก็ยังไม่รู้ชะตากรรม มีเพียงคลิปไลฟ์สดวันสุดท้ายก่อนจะถูกจับไปเท่านั้น เวลาคิดถึงก็นำรูปถ่ายของลูกชายออกมาดู

ล่าสุด เมื่อสองวันก่อนได้มีเจ้าหน้าที่จากทางการไทย เดินทางมาที่บ้านแจ้งว่าลูกชายของตนเองที่ถูกจับเป็นตัวประกันยังปลอดภัยดี หลังจากเฝ้าติดตามข่าวของลูกชายมาตลอดกว่า 2 เดือน โดยเฉพาะเมื่อทราบข่าวว่ากลุ่มฮามาสยอมปล่อยตัวแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในนั้นก็เป็นแรงงานชาวจังหวัดบุรีรัมย์ด้วย 1 คน คือ นายสันติ บุญพร้อม ซึ่งเป็นหัวหน้างานซึ่งถูกจับเป็นตัวประกันพร้อมกับลูกชายด้วย ก็เฝ้าลุ้นมาตลอดว่าเมื่อไหร่ลูกชายจะได้รับอิสรภาพบ้าง ที่ผ่านมาก็รอคอยอย่างมีหวัง แต่หลังจากมีเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าลูกปลอดภัยดี ก็ถือเป็นข่าวดีที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังแจ้งด้วยว่าก่อนหรือหลังปีใหม่อาจจะได้รับข่าวดีอีกครั้งด้วย ซึ่งตนก็ภาวนาขอให้เป็นข่าวดีที่ลูกชายได้รับการปล่อยตัวกลับบ้าน ก็จะเป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดในชีวิต

นายวิลาศ บอกว่า หลังจากเจ้าหน้าที่มาแจ้งข่าวว่าลูกชายที่ถูกจับเป็นตัวประกันติดต่อไม่ได้นานกว่า 2 เดือน ยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดี เช่นเดียวกับที่หน้างานซึ่งถูกจับเป็นตัวประกันพร้อมกับลูกชาย ซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาแล้ว ก็ให้ข้อมูลยืนยันว่าเห็นลูกชายตนเองถูกจับอยู่ที่เดียวกันแต่ไม่มีโอกาสได้คุยกัน ก็รู้สึกดีใจมากที่ทราบว่าลูกปลอดภัย ตอนนี้ก็ได้แต่เฝ้ารอว่าลูกชายจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อไหร่ ก็นับถอยหลังรอคอยลูกชายกลับสู่อ้อมกอดอีกครั้ง และหากลูกชายกลับมาถึงบ้านก็จะให้ลูกบวชสะเดาะเคราะห์ หัวอกคนเป็นพ่อไม่อยากให้ลูกกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกเพราะเป็นห่วงความปลอดภัย แต่หากตัวลูกชายอยากกลับไปทำงานอีก ก็คงห้ามไม่ได้แต่ก็อยากให้ไปในพื้นที่ที่ปลอดภัย

สุดท้ายก็อยากจะขอบคุณทุกหน่วยงานที่พยายามประสานงานช่วยเหลือลูกชาย จนได้รับข่าวดีว่าปลอดภัย และอาจจะได้รับการปล่อยตัวในเร็วๆ นี้ เพราะลำพังพ่อเองก็ไม่รู้จะติดต่อประสานกับใคร