ข่าวสังคม

มุกดาหาร บรรยากาศบ้านกกกอกเป็นไปด้วยความเงียบเหงาหลังศาลตัดสินคดี

บรรยากาศบ้านกกกอก เป็นไปด้วยความเงียบเหงาหลังศาลจังหวัดมุกดาหาร มีคำพิพากษาตัดสินคดีน้องชมพู่ ส่วนพยานในคดีมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่บ้านพักนายไชย์พล วิภา และ นางสาวสมพร หลาบโพธิ์ ภายในหมู่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร จากภาพจะเห็นว่า บ้านพักที่เคยมีเหล่ากองเชียร์ และยูทูปเบอร์วนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง สภาพวันนี้เหมือนไม่มีผู้ดูแล แลไม่คึกคักเหมือนในอดีต หลังจากนายไชย์พลได้ย้ายที่อยู่ไปอาศัยที่บ้านเกิด อำเภอวานรวิวาส จังหวัดสกลนคร ตั้งแต่เดือนมิถุนายน2565 ประมาณ 1 ปีกว่า และไม่แตกต่างจากลานปู่ปาริจิตนาคราช ซึ่งนายไชย์พล เคยสร้างเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว กราบขอพร ขอโชคลาภ แทบจะมองไม่ออกว่า นี่คือแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เพราะเป็นป่ารก มีหญ้า และวัชพืชขึ้นปกคลุมเต็มพื้นที่

จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า ตั้งเกิดคดีฆาตกรรมเด็กหญิงอรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ บ้านกกกอก ก็เต็มไปด้วยผู้คน ทั้งตำรวจ ผู้สื่อข่าว และเหล่าบรรดายูทูปเบอร์ กว่า 100 คน แต่เมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล และนายไชย์พลได้ย้ายออกไปจากบ้านกกกอก ส่วนชีวิตชาวบ้านกกกอกก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ

ด้านนายชาญ หลาบโพธิ์ ตาของน้องชมพู่ ได้เปิดเผยเรื่องของลูกสาวทั้ง 2 คน ว่าจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ ตาชาญบอกว่า ความไม่ลงรอยในครอบครัว จากคดีความทั้งฝ่ายโจทย์ และจำเลย ล้วนเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน ตาชาญหรือนายชาญ หลาบโพธิ์ เชื่อว่าเวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่แก้วที่มันแตกก็ยากที่จะประสานให้เหมือนเดิม

ส่วนนายวัชรินทร์ กงแก่นท้าว หรือพ่อแบม พยานปากสำคัญในคดีน้องชมพู่ ได้บอกว่า หลังจากตัดสินคดีแล้ว ตนเองก็มีความกลัว ผมคนหนึ่งที่เป็นพยานที่ทำให้เขาต้องได้รับโทษ มีความกังวลแต่ยังไม่มีเหตุอะไรรุนแรง ก็มีเสียงเพลงบ้าง เมื่อก่อนไม่มี เสียงดังเป็นการรบกวน ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ว่ากังวลกลัวจะมีมากกว่านี้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาตรวจในหมู่บ้านมาอยู่เหมือนเมื่อก่อน ช่วงตัดสินคดีใหม่ ๆ อยากให้ตำรวจเข้ามาดูแลในหมู่บ้าน และจะให้แม่น้องชมพู่ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาดูแลต่อไป