วันที่ 26 มี.ค. 2567 นายสมศักดิ์ บุญจันทร์นายอำเภอเมืองนครพนม ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหนองจันทร์ หมู่ 14 ว่ามีชายอาละวาดทำร้ายแม่มารดา สั่งการใหันายประชุมศิลป์ พิทักษ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายจักรพล เที่ยงภักดิ์ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคงและสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดน อำเภอเมืองนครพนมที่ 3 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ บ้านเลขที่ 34 หมู่ 14 บ้านหนองจันทร์ ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ได้พบ นายยุทธศักดิ์ ศรีประจักร์ หรือ ยุทธ เจ้าหน้าสอบถามเบื้องต้น นายยุทธศักดิ์ ครีประจักร์ รับสารภาพว่าอาละวาดใส่มารดาจริง และทางเจ้าหน้านำตัวไปตรวจ ปัสสาวะผลตรวเป็นบวก จึงนำตัวเข้ากองร้อยอาสารักษาดินแดงอำเภอเมืองนครนครพนมที่ 3 ต่อไป
นางเฟื่องฟ้า แม่นายยุทธศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะลูกชายเสพยา พอเมายาอาละวาดทุบข้าวของ ทำร้ายร่างกายตีลูก หาเรื่องแม่ตลอด ขู่จะเผาบ้าน แต่ไม่ไปหาเรื่องบ้านใกล้เรือนเคียง ตอนนี้ก็ห่วงลูกไม่อยากให้เสพยา ถ้าวันไหนไม่ใด้เสพยาลูกจะเป็นคนดี เช้ามาไปทำงาน อาชีพรับจ้างทั่วไป อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวไปบำบัด และฝากเจ้าหน้าที่ปราบยาเสพติดอย่างจริงจัง
นางสาวพรรณทิพา ภรรยา นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่าสาเหตุ นั้นเกิดจากนายยุทธศักดิ์ เกิดอาการหลอน มีความรู้สึกว่าจะมีคนมาทำร้าย ตัวเองและโทษแม่ว่า ทำให้ลูกเมียถูกกัน เงินให้แต่แม่ เข้าใจว่าแม่เอาเงินไปให้น้องชาย เลยเกิดความน้อยใจ จนเกิดอาการคุ้มคลั่งอาละวาดทำร้ายทุบตีคนภายบ้าน
ผู้สื่อข่าวสอบถามนายยุทธศักดิ์ ว่า ทำร้ายร่างกายแม่ทำไม นายยุทธศักดิ์ตอบกลับว่า ไม่ได้ทำร้ายแค่โวยวาย ไม่พอใจที่แม่เอาเงินไปให้คนอื่นใช้ เงินของตนให้แม่ แต่แม่เอาไปให้อื่น ตนจึงไม่พอใจ หากได้กลับ ไปที่บ้านอีก จะไล่แม่ออกจากบ้าน เพราะบ้านเป็นของตน พ่อยกให้แล้ว นาบยุทธศักดิ์ กล่าวอย่างอารมณ์เสีย
ด้วยเหตุนี้ ทางอำเภอเมืองนครพนม จึงเล็งเห็นความสำคัญถึงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้จัดตั้งค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม “บ้านพักใจ” อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ขึ้นมา เพื่อเป็นสถานที่รองรับผู้เสพยาเสพติดที่คลุ้มคลั่ง อาละวาด เป็นภัยต่อสังคม และ เพื่อเป็นการนำเอาปัญหาออกจากพื้นที่ แล้ว เอามาแก้ไขที่อำเภอ โดยการอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่
การจัดตั้งค่ายดังกล่าว อำเภอเมืองนครพนมได้ดำเนินการควบคู่ไปกับโรงพยาบาลนครพนม โดยอำเภอเมืองนครพนม จะทำหน้าที่กำกับ ดูแล สร้างระเบียบวินัย ให้เป็นบุคคลที่มีความพร้อมทั้งในด้านร่างกาย วาจา และจิตใจ ขัดเกลาสมาธิ สติปัญญา ให้มีสตินึกคิด โดยมี สมาชิก อส.อ.เมืองนครพนม ที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่เป็นครูเวรในแต่ละวัน และ นำตัวเข้ารับการบำบัดรักษาตามระบบสมัครใจบำบัด หรือ ระบบ เมทริกซ์โปรแกรม กับทางโรงพยาบาลนครพนม โดยมีระยะเวลาในการบำบัดรักษาต่อคน จำนวน 2 เดือน และ เมื่อหลังจากผ่านการบำบัดไปแล้ว 2 เดือน อำเภอเมืองนครพนมได้ติดตามผู้ผ่านการบำบัด หากยังกลับเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก อำเภอเมืองนครพนมก็จะนำตัวกลับมาเพื่อดำเนินการนำตัวเข้ารับการบำบัดอีกครั้ง และเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในพื้นที่ต่อไป
โดยในทุกวันนี้ ประชาชน และ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประสานมายังอำเภอเมืองนครพนมในทุกๆวัน ว่ามีผู้เสพยาเสพติดคลุ้มคลั่งอาละวาด อยากให้ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ซึ่งในแต่ละวัน อำเภอเมืองนครพนมจะมีชุดเคลื่อนที่เร็วออกไประงับเหตุ และ ควบคุมตัว เพื่ออนำตัวบุคคลที่มีปัญหาออกจากพื้นที่และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำตัวมาปรับทัศนคติ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้เป็นบุคคลที่เข้มแข็งทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ และ ปลูกฝังแนวคิด จิตสำนึก ให้สามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างปกติสุ