ข่าวสังคม

นครพนม หลวงตาบุญชื่น เสร็จภารกิจเดินธุดงค์ ใต้ – จรดเหนือ กลับถึงบ้านเสาเล้า อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม

วันที่ 19 เม.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปนมัสการ หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฒิโท จำวัดอยู่ที่พักสงฆ์ชั่วคราวท้ายหมู่บ้าน ในสวนยางกลางทุ่งนา บ้านเสาเล้าใหญ่ ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม โดยได้เดินธุดงค์ไปภาคใต้และขึ้นไปภาคเหนือ ประมาณ 6 เดือน โดยหลวงตาบุญชื่น ได้โดยสารเครื่องบินไปลงที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 18 ต.ค.65 แล้วออกธุดงค์จาก อ.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 19 ต.ค.65 ได้เดินธุดงค์ไปตามจังหวัดต่าง ๆ ของภาคใต้ ผ่าน จ.สุพรรณบุรี ขึ้นไปภาคเหนือ ธุดงค์กลับมาถึงที่พักสงฆ์บ้านเส่าเล้า อ.โพนสวรรรค์ ท่ากลางความปลื้มปิติยินดีของสาธุชนและลูกศิษย์ของหลวงตาบุญชื่น มีผู้ร่วมเดินทางไปด้วย คือ นายสุริยา อุ่นเทียมโสม อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นหลานของหลวงตาบุญชื่น เป็นลูกชายของพี่ชายคนโตของหลวงตาฯ กับ นางนาง อุ่นเทียมโสม อายุ 58 ปี หลานสะใภ้ อยู่บ้านหนองบัวแดง ต.นาหัวบ่อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ได้ร่วมเดินธุดงค์กับหลวงตาฯ มาตั้งปี พ.ศ.2563

ที่พักสงฆ์กลางทุ่งของหลวงตาบุญชื่น พบว่าถูกสร้างเป็นอาคารเล็กๆ 2 หลัง โดยอาคารหลังแรกขนาดพื้นที่ กว้างประมาณ 10 เมตร ยาว 18 เมตร หลังคามุงด้วย แผ่นอลูซิงค์ สร้างขึ้นโดยบรรดาเหล่าศิษย์ยานุศิษย์เพื่อใช้เป็นพื้นที่ฟังเทศน์ฟังธรรมและทำวัตร มีแสงสว่างจากไฟฟ้าของแผงโซล่าเซล ส่วนอีกหลังหนึ่งเป็นกุฎิของหลวงตา

นางนาง อุ่นเทียมโสม อายุ 58 ปี ชาวบ้านหนองบัวแดง ต.นาหัวบ่อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เปิดเผยว่า ตน กับสามี ปรวรนา เป็นโยมอุปฐาก หลวงตาเคยตามธุดงค์ไปกับหลวงตาพร้อมด้วย นายสุริยา สามี เป็นเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา แต่เดิมหลวงตาไม่ต้องการให้สถานที่พักสงฆ์แห่งนี้ มีไฟฟ้าและแสงสว่างในขณะปฏิบัติธรรมด้วยเกรงว่าจะมีมดแมลงบินเข้ามาและเกิดอันตรายต่อผู้ที่มาปฏิบัติธรรมรวมถึงแมลงที่บินมาด้วย แต่ด้วยโยมที่มาปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่งเป็นผู้สูงอายุ ต้องพบกับอุปสรรคจากการอ่านหนังสือสวดมนต์และเดินเหินเข้าห้องน้ำ อาจประสบต่ออุบัติเหตุได้ง่าย จึงได้อนุโลมให้ตามสมควรที่จำเป็นจริงๆ ยังพบเพิงเล็กๆ มีเพียงเตียงไม้เล็ก ๆ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ มีเพียงผ้าสบงเก่าๆ ตากอยู่ข้างๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นกุฎิจำวัดของหลวงตาบุญชื่น ทำให้เห็นถึงความเป็นพระสุปฏิปันโนของหลวงตาบุญชื่น อย่างแท้จริง

นายสุริยาหรือ”ก้อง” อุ่นเทียมโสม ศิษย์ก้นกุฏิหลวงตาบุญชื่น วัย 61 ปี กล่าวว่าแต่เดิมหลวงตาได้กล่าวสมาทานธุดงค์ก่อนที่จะร่วม ธรรมะยาตรากับหลวงพ่อจรัล หรือพระธรรมสิงหบุราจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณรในขณะนั้นกว่า 600 รูป
สาเหตุที่หลวงตาบุญชื่น เลือกวิธีเจริญภาวนาด้วยการธุดงค์นั้น เนื่องเพราะขณะที่ท่านมาบวช มีอายุมากแล้ว ครั้นจะเข้าไปศึกษาพระธรรมจากโรงเรียนปริยัติธรรมก็เกรงว่า จะเป็นภาระและอุปสรรคต่อพระอาจารย์ อีกอย่างตนเองที่ผ่านมาก็เป็นคนทีเรียนหนังสือหัวไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร เกรงจะเป็นภาระคนอื่น

สำหรับโครงการหรือแผนเดินธุดงค์ครั้งถัดไปจะมีเริ่มอีกครั้งเมื่อไรนั้น หลวงตาบุญชื่นท่านได้กล่าวว่า เรื่องแบบนี้จะบอกก่อนกันไม่ได้หรอก เราต้องมองที่สังขารว่ามีความพร้อมเพียงใด ขณะเดียวกันพบว่าขณะนี้ หลวงตามีอาการอาพาธจากกระดูกยุบบริเวณต้นคอ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางแพทย์ได้เคยตรวจมวลกระดูกเบื้องต้นพบว่ามีความความหนาแน่นราวกับคนอายุ 50 ปี ทั้งที่อายุหลวงตาขณะนี้70 ปีแล้ว แต่ด้วยการเดินธุดงค์อย่างต่อเนื่องจนไม่มีเวลาพักผ่อน ทำให้ข้อกระดูกบริเวณต้นคออักเสบ ซึ่งต่อจากนี้หลังเสร็จสิ้นภารกิจธุดงค์แล้ว ทางทีมแพทย์ของ โรงพยาบาลโพนสวรรค์จะนิมนต์หลวงตาทำการเข้าบำบัดและรักษาอาการดังกล่าวให้กับหลวงตาบุญชื่นต่อไป