เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าพระมหาธาตุแก่นนคร ภายในวัดหนองแวงพระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พระครูปริยัติธรรมวงศ์ รศ.ดร.เจ้าอาวาสวัดหนองแวงพระอารามหลวง พร้อมด้วย พระครูปริยัติเจตินานุกูล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองแวงพระอารามหลวง นำพุทธศาสนิกชนชาว จ.ขอนแก่น ร่วมประกอบพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ และร่วมไถ่ชีวิตโค-กระบือ ประจำเดือน พ.ค.ตามที่วัดหนองแวงพระอารามหลวงได้กำหนดจัดกิจกรรมทำบุญร่วมกันกับชุมชนอย่สงต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน
โดยมีพุทธศาสนิกชนชาว จ.ขอนแก่น และนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาร่วมทำบุญเนื่องในวันพระวันนี้ ร่วมประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาและร่วมพิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ ท่ามกลางบรรยากาศโดยทั่วไปที่เป็นไปอย่างชื่นมื่น และเปี่ยมไปด้วยความสุขและความปลื้มใจจากผู้ให้สู่ผู้รับ
พระครูปริยัติเจตินานุกูล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองแวงพระอารามหลวง กล่าวว่า คณะสงฆ์และญาติธรรมได้ร่วมกันกำหนดจัดขึ้นในทุกสัปดาห์สุดท้ายของแต่ละเดือน โดยสัปดาห์นี้เป็นเดือนที่ 4 ที่ได้ร่วมไถ่ชีวิตโค 2 แม่ลูกเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่เจ้าอาวาสฯ ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฎิบัติสืบต่อกันมา ด้วยการร่วมไถ่ชีวิตและส่งมอบชีวิตให้กับเกษตรกร หรือผู้ยากไร้ หรือผู้ที่มีความประสงค์จะขอรับโค-กระบือ เพื่อนำไปเลี้ยงให้เกิดลูก เกิดหลาน โดยในเดือน พ.ค.นี้ เป็นเกษตรกร จ.มหาสารคาม ที่ได้เสนอตัวขอรับบริจาคเพื่อนำกลับไปเลี้ยงเพราะ ยึดถืออาชีพเลี้ยงวัว มาตลอดชีวิตแต่ด้วยสถานการณ์น้ำท่วมในปีที่ผ่านมาจึงต้องยอมขายวัวทิ้งไปเพื่อให้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว
“เกษตรกร หรือผู้ที่ต้องการขอรับโคกระบือ แม่ลูก ขอให้มาลงทะเบียนเพื่อจัดเรียงลำดับการรับและส่งมอบ โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นคนจังหวัดใดทุกคนที่มาลงทะเบียนนั้นคณะกรรมการจะมีการตรวจสอบในรายละเอียดต่างๆอย่างรัดกุม และมีข้อแม้ว่า เมื่อได้รับไปแล้ว วัวแม่พันธุ์ หรือวัวตัวแม่ จะต้องคงรักษาไว้ห้ามจำหน่ายอย่างเด็ดขาด โดยคณะทำงานจะตรวจติดตามวัวตัวแม่หรือวัวที่มอบอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามสำหรับพุทธศาสนิกชนที่สนใจร่วมทำบุญไถ่ชีวิตโค-กระบือ ร่วมกับทางวัด สามารถประสานงานมาที่วัดได้โดยตรง เพื่อที่จะอนุโมทนาบุญเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัวร่วมกันต่อไป”
ขณะที่นายบุญมี ขันนอก อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 บ.กุดหัวช้าง ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ครอบครัวมีที่นา 2 ไร่ ที่ผ่านมาเลี้ยงวัว มาทั้งชีวิต แต่ปีที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วมหนัก ไม่มีหญ้าที่จะมาเลี้ยงวัว เพื่อความอยุ่รอดของครอบครัว จึงต้องตัดสินใจขายวัวทีมีไป เพราะช่วงน้ำท่วมทำงานไม่ได้ เลี้ยงวัวก็ไม่ได้ หญ้าเลี้ยงวัวก็ไม่มีจึงต้องขายวัวไปทั้งน้ำตา มาวันนี้สถานการณ์ปกติแล้ว ความเป็นเกษตรกรและเลี้ยงวัวมาทั้งชีสิต จึงประสานผู้นำชุมชนเพื่อขอเสนอตัวเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเพื่อนำวัวมาเลี้ยงหารายได้ให้กับครอบครัว ควบคู่กับการทำงานเกษตรที่มีอยู่โดยมั่นใจว่าวัวแม่ลูกที่ได้รับ จะทำให้ครอบครัวรอดแล้วและจะเลี้ยงดูวัวแม่ลูกคู่นี้ได้ออกแม่ แผ่ลูกและส่งต่อให้กับผู้ยากไร้คนอื่นต่อไป