วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน) ดร.มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เป็นประธานในงานเดิน-วิ่งข้ามโขงบนสะพานที่สวยที่สุดแห่งสยาม ในเส้นทางการแข่งขันถนนเลียบริมแม่น้ำโขงที่ดีที่สุด รายได้จากการสมัครหลังหักค่าใช้จ่ายเพื่อการกุศลเข้ามูลนิธิศรีโคตรบูรสำหรับช่วยเหลือผู้สูงอายุ คนพิการ และโรงพยาบาลในจังหวัดนครพนม สำหรับจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และอื่นๆ ที่จำเป็น นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและสร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ เสริมสร้างสุขภาพประชาชน และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน
สำหรับการแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1.Fun Run 5 km. 2.Mini Marathon 10 km. 3.Half Marathon 21.1 km. 4.Marathon 42.195 km. ซึ่งสถานที่แข่งขันเป็นสนามที่มีมาตรฐานรับรองการแข่งขันโดยสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สหพันธ์กรีฑาแห่งเอเชีย (Asian Athletics Association : AAA) โดยจุดสตาร์ทเริ่มต้นที่บริเวณสะพานมิตรภาพ 3 นครพนม-คำม่วน ใช้เส้นทางวิ่งถนนสาย 22 (นครพนม-ท่าอุเทน) ไปทางทิศใต้ผ่านลานพญาศรีสัตตนาคราช ถนนสวรรค์ชายโขงเลียบริมแม่น้ำโขงแล้วเลี้ยวกลับมาเส้นเดิม ถึงบริเวณโรงแรมบลูโฮเท็ล ตัดเข้าไปเส้นเลียบริมแม่น้ำโขง ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม แล้วเข้าเส้นชัยที่สะพานมิตรภาพ 3 รางวัลสำหรับการแข่งขัน ประกอบด้วย ถ้วยรางวัล Overall ถ้วยรางวัลรุ่นอายุ ถ้วยรางวัลแฟนซี พร้อมเงินรางวัล
นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า จังหวัดนครพนมได้เตรียมความพร้อม เช่น ที่พัก การจราจร ความปลอดภัย การแพทย์ โดยมีการบูรณาการจากทุกภาคส่วนเพื่อให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุดและเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ นักวิ่ง นักท่องเที่ยว ผู้มาเยือนกิจกรรมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติใน และขอเชิญชวนประชาสัมพันธ์กิจกรรมเดิน – วิ่งข้ามโขง ‘นครพนม – คำม่วน มาราธอน 2566’
ทั้งนี้ รายได้จากค่าสมัครหลังหักค่าใช้จ่ายเพื่อการกุศลเข้ามูลนิธิศรีโคตรบูรเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ คนพิการและโรงพยาบาลในจังหวัดนครพนมสำหรับจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และอื่นๆ ที่จำเป็น
กิจกรรมนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมการจัดโครงการยกระดับและพัฒนาสามเหลี่ยมการท่องเที่ยว กลุ่มจังหวัดสนุกเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน ต้อนรับและดึงดูดนักท่องเที่ยว นักวิ่ง จากทั่วประเทศและจาก สปป.ลาว ให้มาสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามและอบอุ่นเป็นกันเองของชาวนครพนม ส่งเสริมภาพลักษณ์เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว และเมืองแห่งความสุข “นอนนครพนมหนึ่งคืนอายุยืนหนึ่งปี” ในปีนี้มีนักวิ่งมาทั่วประเทศกว่า 3,500 คน