ข่าวด่วน

โอละพ่อ หนุ่มโวย “ผมไม่ได้ผิด” ผญบ.หญิงทำเกินกว่าเหตุ ร่อนหนังสือขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงาน

ยังไม่จบ หนุ่มวัย 46 ปี ชาวบ้านท่าแสง ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ร่อนหนังสือขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงาน หลังถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จับล็อคตัวและลากมากระทืบประจานหน้าเวทีหมอลำ ซึ่งเป็นการกระทำตามคำสั่งของผู้ใหญ่บ้านหญิงที่ขึ้นไปประกาศบนเวที ยืนยันตนไม่ใช่คนก่อเหตุทะเลาะวิวาท และผู้ใหญ่บ้านทำเกินเหตุ จึงทำหนังสือร้องเรียนเอาผิดให้ถึงที่สุด

                จากกรณีมีผู้ปล่อยคลิป ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ ขณะผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ขึ้นไปบนเวทีหมอลำและประกาศผ่านไมโครโฟน สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า 10 นาย ควบคุมตัวชายคนหนึ่ง ในลักษณะลากตัวออกมาจากด้านข้างบริเวณจัดงาน พร้อมแทงเข่าเข้ากลางช่องท้อง ก่อนที่จะขัดขาให้ล้มลงพร้อมล็อคกุญแจมือ และใช้เท้าเหยียบหน้า ซึ่งน้ำเสียงที่ผู้ใหญ่บ้านหญิงประกาศ ในเชิงชายคนดังกล่าวเป็นคนก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำให้บรรยากาศการจัดงานเสียหาย จึงประกาศให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จัดการควบคุมตัวชายคนดังกล่าว

                ทั้งนี้ หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในโซเชียล มีคนเข้ามาเม้นท์เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งเห็นด้วยกับความเด็ดขาดของผู้ใหญ่บ้านหญิง และโจมตีว่าทำเกินเหตุ เพราะชายคนที่ถูกกระทำนั้น ไม่ใช่เป็นคนก่อเหตุก่อกวน โดยมีการตอบโต้กันไปมาหลายข้อความ ก่อนที่คลิปนั้นจะถูกลบออกไป ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดตามหาบุคคลที่ปรากฏในคลิป ทราบภายหลังคือนางสวย ภูถมนาค ผญบ.บ้านท่าแสง หมู่  7 ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยนางสวยแจ้งว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 28 ก.พ.63 ซึ่งเป็นขณะการแสดงของหมอลำซิ่ง ที่ตนจ้างมาสมโภชกองบวช โดยตนเป็นเจ้าภาพจัดงานอุปสมบทให้กับสามีและบุตรเขย แต่กลับมีเหตุวิวาทกันหน้าเวทีหมอลำ ในฐานะเจ้าภาพและเป็นผู้ใหญ่บ้าน จึงขึ้นประกาศให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ควบคุมคนก่อเหตุดังกล่าว

                ล่าสุด วันที่ 12 มีนาคม 2563 ที่บ้านเลขที่ 135 หมู่ 7 บ้านท่าแสง ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบนายชัยรับ อุ่นสวิง อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นชายที่ถูกควบคุมตัวในคลิป หลังจากขอร้องญาติให้ช่วยประสานสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมขอความเป็นธรรมจากสังคมและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ นายชัยรับ ได้โชว์บาดแผลและรอยฟกช้ำที่ถูกรุมทำร้ายร่างกาย ให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย

                นายชัยรับ กล่าวว่า คืนที่เกิดเหตุนั้น ตนยอมรับว่าดื่มเบียร์จริงๆ แต่ไม่ถึงกับเมา โดยนั่งดื่มกับเพื่อนคนละขวด ตามประสาชาวบ้านที่ไปชมหมอลำ ซึ่งขณะนั่งชมหมอลำกลับมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมายืนอยู่ใกล้กับจุดที่ตนนั่งอยู่ เนื่องจากมีทั้งคนนั่ง คนยืน และคนเดินเข้าเดินออก จึงทำให้มีการเบียดกันบ้างเป็นธรรมดา ซึ่งมีจังหวะหนึ่งที่วัยรุ่นคนหนึ่งถูกเบียดเซมาหาตนที่นั่งอยู่ พร้อมกับเตะขวดเบียร์ล้ม ตนจึงได้บอกวัยรุ่นคนนั้นว่าระวังๆหน่อยนะ ซึ่งเป็นการบอกกันธรรมดา ไม่ได้มีอารมณ์อะไร โดยวัยรุ่นคนดังกล่าวก็ยกมือไหว้ขอโทษ แต่เพื่อนของวัยรุ่นที่มาด้วยกันประมาณ 5-6 คน กลับเข้าใจว่าเพื่อนมีเรื่องจึงวิ่งเข้ามารุมทำร้ายตน ซึ่งตนก็พยายามยกแขนป้องกันตัว ในช่วงนั้นเองก็มีเจ้าหน้าที่ถือไม้กระบองเดินรี่เข้ามาหาจุดที่ตนกับวัยรุ่นยืนอยู่ พอวัยรุ่นเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็วิ่งหนีไป เพราะคงกลัวจับไปตรวจฉี่ จึงเหลือแต่ตนที่ยืนอยู่

                นายชัยรับกล่าวอีกว่า ในจังหวะที่วัยรุ่นวิ่งหนีไป อาจจะทำให้คนอื่นมองมาเห็นภาพของความโกลาหล เหมือนมีเหตุการณ์ชกต่อยและวิ่งหนี ทั้งๆที่ความจริงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลย แต่ตนกลับถูกเจ้าหน้าที่แจ้งว่าก่อเหตุทะเลาะวิวาท พร้อมกับกระทุ้งไม้ตะบองอัดที่หน้าอก 2-3 ครั้งจนตนเจ็บจุก ซึ่งทำให้ตนทั้งเจ็บทั้งงงที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาและถูกทำร้ายร่างกายดังกล่าว ช่วงนั้นเองก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนกรูกันเข้ามารุมล้อมตน จับมือตนไพล่หลังและลากไปหน้าเวที ก่อนที่จะแทงเข่า ขัดขาให้ล้ม ใช้เท้าเหยียบคอตน และใส่กุญแจมือ จากนั้นนำตัวไปขังที่โรงพัก 1 คืน

                นายชัยรับ กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงที่เกิดเหตุตนถูกลากตัวมาหน้าเวทีและถูกรุมทำร้าย ตนหูอื้อตาลายไปหมด ไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าผู้ใหญ่บ้านประกาศยังไงบ้าง ที่รู้สึกก็คือเจ็บจุกและฟกช้ำที่หน้าอก เพราะถูกตะบอกกระทุ้งหลายครั้ง เจ็บที่ข้อมือเพราะถูกใส่กุญแจมือผิดตำแหน่ง ทำให้ข้อมือเคล็ด มีรอยถลอก ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ ตนทราบว่าผู้ใหญ่บ้านให้ข้อมูล ในทำนองตนเป็นคนก่อเหตุทะเลาะวิวาท แต่ความจริงไม่ใช่ และชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็เข้าใจตนดี ว่าตนไม่ใช่คนอย่างนั้น ตนเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีครอบครัว มีลูก 2 คน ประกอบอาชีพสุจริต เป็นช่างเคาะที่อู่ซ่อมรถ ไม่ได้มีนิสัยพาลเกเรหรือหาเรื่องทะเลาะกับใคร กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกเจ้าหน้าที่รุมทำร้าย

                “อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุจนถึงวันนี้ ผู้ใหญ่บ้านไม่เคยเข้ามาสอบถามตนเลย ว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร ซึ่งตนก็พร้อมที่จะพูดคุย และไม่เรียกร้องอะไร อย่างไรก็ตาม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง และขอความเป็นธรรมจากสังคมและคนที่ลงไม้ลงมือกับตน จนได้รับบาดเจ็บและเสียหายทั้งร่างกายและจิตใจ ตนได้ทำหนังสือข้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์, อธิบดีกรมการปกครอง, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ใหญ่บ้านด้วย ว่าทำเกิดเหตุกับตน โดยปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเห็นแก่ชาวบ้านตาดำๆด้วย ทั้งนี้ ตนยังรอคอยคำขอโทษจากผู้ใหญ่บ้านหญิง และเฝ้าคอยว่าจะแสดงสปิริตแสดงความรับผิดชอบอย่างไรต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี้” นายชัยรับกล่าวในที่สุด