ข่าวอัพเดทรายวัน

กาฬสินธุ์ชาวนาระทมทำนาทุกขั้นตอนต้นทุนสูงค่าสีข้าวถุงละ 10 บาทขาดทุนยับ

ชาวนาที่จังหวัดกาฬสินธุ์สุดระทม เหตุต้นทุนการผลิตและเก็บเกี่ยวยังสูง โดยเฉพาะค่าจ้างรถเกี่ยวข้าวยังอยู่ที่ไร่ละ 1,000 บาท หรือค่าจ้างแรงงานเกี่ยวข้าวด้วยมือวันละ 300 บาท และยังต้องเลี้ยงอาหารอีก 2 มื้อ ทั้งยังซ้ำเติมภาระค่าใช้จ่ายด้านจ้างรถสีข้าว ที่คิดราคาแพงถุงละ 10 บาท ขณะที่ราคาขายข้าวเปลือกยังอยู่ที่ กิโลกรัมละ 5-6 บาท

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี ของชาวนาใน จ.กาฬสินธุ์ ที่อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวเต็มพื้นที่ ทั้งจ้างรถเก็บเกี่ยว และจ้างแรงงานคนเกี่ยว พบว่าต่างประสบปัญหาค่าจ้างแพงโดยรถเกี่ยวข้าวไร่ละ 800-1,000 บาท ขณะที่ชาวนาอีกหลายราย เลือกที่จะจ้างแรงงานคนเกี่ยวข้าว เพราะคิดว่าราคาถูกกว่าจ้างรถเกี่ยว และเมล็ดข้าวไม่ตกหล่นเสียหาย โดยให้ค่าจ้างคนละ 300 บาทต่อวันและเลี้ยงอาหารอีก 2 มื้อ คือมื้อเช้ากับมื้อเที่ยง แต่เมื่อบวกลบต้นทุนและค่าใช้จ่ายแล้วก็ยังขาดทุนเช่นเดิม เนื่องจากต้นทุนสูงและราคาขายข้าวเปลือกยังตกต่ำ กิโลกรัมละ 5-6 บาทเท่านั้น

นายบัวทอง ภูแสงศรี อายุ 53 ปีชาวนาบ้านตูม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปีในปีนี้เห็นว่าค่าจ้างรถรถเกี่ยวและค่าแรงคนงานสูง ตนและญาติพี่น้อง 5 คนจึงช่วยกันเกี่ยวด้วยมือเอง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้มีพื้นที่นาประมาณ 7 ไร่ ใช้เวลาเกี่ยว 5 วันก็เสร็จ จากนั้นช่วยกันมัดฟ่อนข้าวที่ตากแดดแห้งแล้ว และขนฟ่อนข้าวขึ้นลานโดยจ้างรถสีข้าว ซึ่งปีที่ผ่านมาคิดค่าจ้างถุงละ 5 บาท แต่ปีนี้ผู้ประกอบการรถสีข้าวคิดถุงละ 10 บาท อ้างว่าน้ำมันแพง ทั้งนี้ ข้าวของตนและญาติที่ช่วยกันเกี่ยวมือ ได้ข้าวเปลือกจากการจ้างรถสี 120 ถุง เสียค่าบริการ 1,200 บาท ซึ่งถือว่าสูง แต่ก็ถูกกว่าจ้างรถเกี่ยว อย่างไรก็ตาม การทำนาทุกขั้นตอนต้นทุนยังสูงมาก ชาวนาที่มีพื้นที่ทำนามากยิ่งลงทุนสูง โดยเฉพาะเมื่อนำข้าวเปลือกไปขายขาดทุน สำหรับตนยังไม่เอาข้าวไปขาย ขอชะลอการขายไว้ก่อนสักระยะ เผื่ออนาคตราคาจะสูงขึ้น

ด้านนายเฉลิม ไทรชมพู อายุ 66 ปี ผู้ประกอบการรถสีข้าว บ้านแดง ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ธุรกิจรถสีข้าวได้รับความนิยมมาประมาณ 20 ปี ทั้งนี้ เพื่อบริการสีข้าวให้กับพี่น้องชาวนา ซึ่งสะดวกและรวดเร็วกว่าการนวดข้าวด้วยแรงงานคน เดิมคิดค่าจ้างถุงละ 2 บาท ก่อนที่จะปรับราคาที่ถุงละ 5 บาท ทำให้มีรายได้จากการสีข้าวเป็นอย่างดี แต่ในห้วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีรถเกี่ยวข้าวในพื้นที่และจากต่างถิ่นเข้ามาแย่งงาน จึงทำให้รายได้ลดหายไปจำนวนมาก

นายเฉลิมกล่าวอีกว่า ก็ยังถือเป็นความโชคดีอยู่บ้าง ที่รถเกี่ยวข้าวคิดอัตราค่าจ้างสูงขึ้น จึงยังมีชาวนาอีกหลายรายเรียกใช้บริการรถสีข้าวของตน แต่ก็ต้องขอขึ้นราคาค่าจ้างจากเดิมอีกเท่าตัว จากถุงละ 5 บาทเป็น 10 บาท (ถุงละ 30 ก.ก.) เนื่องจากปัจจุบันค่าน้ำมันแพงขึ้น เพื่อให้สามารถประคับประคองกิจการไปได้ และเพื่อเป็นค่าซ่อมบำรุงรถบ้าง ทั้งนี้ประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ทั่ว จ.กาฬสินธุ์มีรถสีข้าวไม่น้อยกว่า 800 คัน สำหรับตนมีรถสีข้าว 3 คัน แต่ในห้วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีรถเกี่ยวข้าวในพื้นที่และจากต่างถิ่นเข้ามาแย่งงาน จึงทำให้รายได้ลดหายไปจำนวนมาก ผู้ประกอบการรถรับจ้างสีข้าวรายอื่นๆ ได้เลิกล้มกิจการ เนื่องจากถูกรถเกี่ยวข้าวแย่งงาน แต่ตนยังจะอนุรักษ์ไว้เพื่อสีข้าวให้ตนเอง และบริการเพื่อนชาวนา ที่เลือกใช้บริการ เพราะค่าจ้างประหยัดกว่าจ้างรถเกี่ยวข้าว