ข่าวอาชญากรรม

นครพนม กลุ่มติดอาวุธฮามาสโหด จับแรงงานไทยฆ่าปาดคอเสียชีวิต 3 ศพ คาแคมป์ที่พัก

วันที่ 20 ต.ค. 2566 ที่บ้านของนายเศรษฐา โฮมสร หรือ ต้อม อายุ 36 ปี หนึ่งในแรงงานในอิสราเอล เลขที่ 23 บ.หนองเดิ่น ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งหลังตกเป็นข่าวว่าได้ถูกกลุ่มติดอาวุธฮามาสบุกเข้ามาจับไปเป็นตัวประกันจำนวน 3 คนและยังไม่ทราบชะตากรรมจนถึงขณะนี้

ล่าสุด เพื่อนของนายเศรษฐา โฮมสร หรือ ต้อม ซึ่งที่พักอยู่ด้วยกันภายในแคมป์ดังกล่าวกับนายต้อม ได้วีดีโอคอลมาเล่าเหตุการณ์พร้อมกับยืนยันกับ นางเนตรนภา โฮมสร อายุ 38 ปี พี่สาวว่า นายต้อมได้เสียชีวิตจากเหตุถูกกองกำลังติดอาวุธฮามาส บุกเข้ามาภายในแคมป์แรงงานคนไทย โดยวันเกิดเหตุ กลุ่มกองกำลังติดอาวุธฯดังกล่าวบุกมาเข้ามาเคาะประตูเรียกถึงหน้าประตูห้องพัก ซึ่งนายเศรษฐาหรือต้อมพักร่วมอยู่กับเพื่อนแรงงานคนไทยอีก 10 คน ซึ่งเพื่อนร่วมห้องขณะนั้นต่างพากันหลบหนีเอาชีวิตรอดออกอย่างหวุดหวิดได้ 7คน คงเหลือ นายเศรษฐาและเพื่อนร่วมอีก 2 คน รวม 3 คน ซึ่งหลบหนีออกมาจากห้องพักไม่ทัน จึงถูกกลุ่มกองกำลังฯ บุกเข้าไปได้จับตัวทั้ง 3 คน ปาดคออย่างโหดเหี้ยมไร้ทางต่อสู้โดยสิ้นเชิงจนต้องเสียชีวิตทั้ง 3 ราย

นางเนตรนภา โฮมสร อายุ 38 ปี พี่สาวนายเศรษฐา เปิดเผยว่า หลังจากที่คอยติดตามข่าวสารของน้องชายถูกกลุ่มกองกำลังฮามาส บุกแคมป์ที่พักของนายเศรษฐา และได้จับตัวไปเป็นตัวประกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ต.ค. เป็นต้นมานั้น และยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาจนถึงขณะนี้ ล่าสุดเพื่อนร่วมงานของนายเศรษฐา ซึ่งทำงานยังประเทศอิสราเอลได้ประสานผ่านนายจ้างและติดต่อสถานทูตไทยประจำอิสราเอล ยืนยันว่าน้องชายได้ถูกกลุ่มกองกำลังติดอาวุธฮามาสทำร้ายจนเสียชีวิต โดยกลุ่มกองกำลังฯ ทำทีเคาะเรียกให้เปิดประตูห้อง ซึ่งนายเศรษฐาหรือต้อม อาจคิดว่าหากปฎิบัติตามน่าจะปลอดภัยกว่า อีกคนไทยก็ไม่ได้เป็นคู่กรณีความขัดแย้งกับใครจึงยอมเปิดประตูให้ แต่เหตุการณ์ไม่ได้ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด กลุ่มกองกำลังบุกเข้ามาทำร้ายทรมานก่อนที่จะใช้อาวุธมีดปาดคอจนเสียชีวิตอยู่ภายในแคมป์ที่พักเสียชีวิตคาที่ จำนวนทั้ง 3ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีนายเศรษฐาหรือต้อมรวมอยู่ด้วย ขณะที่ลูกสาววัย 8 ขวบของนายเศรษฐา ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.2 ทันทีทราบข่าวว่าพ่อเสียชีวิตจากเหตุการณ์เคร้าสลดนี้แล้วก็ได้แต่ร่ำไห้จนน่าสงสาร จนญาติพี่น้องต้องคอยปลอบขวัญให้กำลังใจ

หลังจากที่นายถ่าย โฮมสร พ่อของนายเศรษฐา ได้ทราบข่าวว่า ลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว ต่างก็ยังยอมรับและยังทำใจไม่ได้ต่อเหตุการณ์อันโหดร้ายอำมะหิตของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธฮามาสดังกล่าว โดยขณะนี้ทางทหารอิสราเอลได้นำศพไปเก็บรักษาไว้เพื่อรอส่งกลับภูมิลำเนา ส่วนจะนำศพกลับที่ประเทศไทยในวันเวลาไหน กำลังเร่งประสานงานกับนายจ้างและทางสถานฑูตในการนำศพกลับมา โดยอยากขอให้นำร่างของ นายเศรษฐาหรือต้อม กลับมาเป็นร่างเพื่อนำมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด ไม่อยากเห็นในสภาพเป็นกระดูกมาประกอบพิธีทางศาสนา

ขณะเดียวกันหน่วยงานภาครัฐได้รับทราบข้อมูลและกำลังเร่งดำเนินการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรอรับร่างของ นายเศรษฐา โฮมสร หรือต้อม กลับมาเพื่อประกอบพิธีทางศาสนายังบ้านบ้านเกิดต่อไป