จากกรณีคนร้ายก่อเหตุใช้ของแข็งทุบศีรษะนายพรมจักร อายุ 33 ปี ชาวลาวอยู่ แขวงบริคำไชย หลานชาย ภรรยาเจ้าของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม และใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดจ่อยิง น.ส.วิชุดา อายุ 50 ปี พนักงานปั๊ม ชาว บ้านดอนม่วง ม.9 ต.บ้านผึ้งอ.เมือง จ.นครพนม เสียชีวิต เหตุเกิดเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 29 ธ.ค.2566 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2023/12/batch_321393_0_0.jpg)
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2023/12/batch_321397_0_0.jpg)
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2023/12/batch_321398_0_0.jpg)
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2023/12/batch_321400_0_0.jpg)
คืบหน้า วันที่ 30 ธ.ค. 2566 นายชาตรี อายุ 61 ปีเจ้าของปั๊ม เปิดเผยว่า ปั๊มแห่งนี้เปิดมาได้ประมาณ 4 ปีแล้วโดย เปิดให้บริการตั้งแต่ตีห้าและปิดให้บริการ 3 ทุ่มทุกวัน หลังปิดปั๊ม น.ส.วิชุดา จะกลับเข้าบ้านที่ บ้านดอนม่วง ตามปกติรถจักรยานยนต์ จะจอดอยู่โรงจอดรถที่หน้าปั๊ม แต่ตอนเกิดเหตุกลับมาพบรถมาจอดหน้าออฟฟิศซึ่งล้มคว่ำ หัวของรถมีลักษณะหันหน้าเข้าปั๊มนอนตายกองกัน ขณะที่ผู้ตายขา 2 ข้าง ยังเกี่ยวพาดที่รถจักรยานยนต์ ของผู้ตายเอง ซึ่งตนคิดว่าหลังเลิกงานแล้วนางวิชุดา กำลังจะขับขี่รถกลับบ้าน แต่คงเห็นเหตุการณ์ผิดปกติที่ออฟฟิศ จึงขับขี่รถจักรยานยนต์มาดู จนถูกยิงเสียชีวิตอีกราย ซึ่งเหตุการณ์จะเกิดหลังสามทุ่มซึ่งเป็นเวลาปิดปั๊มแล้ว เนื่องจากการแต่งตัวของนายพรหมจักร ผู้ตาย ถอดเสื้อจะอาบน้ำนุ่งแต่กางเกงบ๊อกเซอร์ ซึ่งปกติขณะปฏิบัติหน้าที่จะแต่งตัวชุดพนักงานของปั๊ม และ หลังตรวจสอบในปั๊มไม่มีทรัพย์สินอะไรสูญหายไป ตลอดจนไม่มีร่องรอยการรื้อค้นแต่อย่างใด เงินขายน้ำมันกะค่ำถึงดึก 30,000 กว่าบาทที่นายพรหมจักร เก็บรักษาไว้ในกระเป๋าสะพาย ยังอยู่ครบ โดยพบถูกวางไว้ที่โต๊ะในออฟฟิศ
นายชาตรี กล่าวต่อว่า เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมามีพนักงาน อบต.แห่งหนึ่งในพื้นที่ ทำงานเป็นคนขับรถกู้ชีพได้โทรศัพท์มาหาตน บอกว่า “ผมเดือดร้อนแล้วตอนนี้ ทาง อบต.เล่นงานผมแล้ว” ซึ่งพนักงาน อบต.คนนี้บอกว่าถูกตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องบิลน้ำมันที่เบิกจ่ายเกินผิดปกติ ซึ่งนายพรหมจักร ผู้ตาย จะทำหน้าที่เติมน้ำมันและเขียนบิลให้คนขับรถกู้ชีพ อบต.แห่งนี้ทุกครั้ง โดยปกติในการเติมน้ำมันให้กับรถที่มีเครดิตกับทางปั๊มนั้น จะมีการเขียนใบสั่งเติมน้ำมันให้คนขับรถนำมาเติมตามจำนวนที่เขียนมา แต่บางครั้งเติมเต็มก่อนจำนวนที่เขียนมา คนขับรถมักจะขอให้ทอนเป็นเงินสดคืนให้ตามจำนวนที่ขาดไป เช่น คนขับรถนำบิลมาเติมน้ำมันในบิลระบุไว้ 1,500 บาทแต่พอเติมได้เพียง 1,200 ก็เต็มถังแล้ว แทนที่จะแก้บิลให้เป็น 1,200 บาท คนขับรถกลับให้เด็กปั๊มทอนเป็นเงินสด 300 บาทให้แทน ซึ่งเรื่องนี้ตนได้กำชับเด็ดขาดว่าถึงแม้บิลสั่งเติมจะเขียนมาเท่าไหร่ หากเติมเต็มถังก่อนก็ให้แก้ไขตัวเลขให้เท่ากับยอดเงินตามมิเตอร์ที่ได้เติมไปจริง ห้ามทอนคืนเป็นเงินสดเด็ดขาด เนื่องจากตนทราบมาว่าบางครั้งรถที่นำใบสั่งมาเติมน้ำมันในถังยังเหลือเยอะอยู่ แต่มีการซิกแซกเอาบิลน้ำมันทำทีมาเติมน้ำมันแล้วขอรับเป็นเงินสดจากเด็กปั๊มแทน ซึ่งตนไม่ทราบเหมือนว่ากรณีคนขับรถกู้ชีพรายนี้ ที่ถูกตั้งกรรมการสอบเป็นเรื่องดังกล่าวหรือไม่
แต่คนขับรถกู้ชีพ อบต.รายนี้ ได้โทรศัพท์มาหาตน ในลักษณะฝากข่มขู่นายพรหมจักร ที่เป็นผู้เติมน้ำมัน โดยบอกกำชับว่า “ให้ดูแลลูกน้องดีๆหน่อยและอย่าสร้างความเดือดร้อนให้ผมอีก” เจ้าของปั๊มน้ำมัน กล่าว
มีรายงานด้วยว่า ก่อนที่นายพรหมจักร จะเสียชีวิตช่วง 2 ทุ่มครึ่ง ผู้ตายยังทักไลน์ครั้งสุดท้ายคุยกับญาติคนหนึ่งว่า “มีคนใจดีเอาเบียร์มาให้กิน 2 ขวด” แต่ในที่เกิดเหตุไม่พบขวดเบียร์ คาดว่าผู้ตายน่าจะเก็บไว้ในตู้เย็น แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ ขณะที่กล้องวงจรปิด 1 ใน 16 ตัวพบว่ามีกล้องวงจรปิดที่หันไปทางด้านหน้าออฟฟิศจุดพบศพนั้น พบว่ามีรังต่อขนาดใหญ่มาทำรังปิดกล้องจนมิด
สำหรับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ประกอบในสำนวนคดี พร้อมเรียกพยานแวดล้อมมาสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียด เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายจอมโหดรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญในพื้นที่