ล่าสุด วันที่ 16 ม.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านเลขที่ 50 บ้านระเภาว์ หมู่ที่ 12 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ สภาพบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้าน2ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ แต่ไม่พบนายต่วยสามีของนางสุรัตน์ ชูเส้นผม(ยายชิน)อายุ 61 ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บ เนื่องจากตาต่วยได้ไปเยี่ยมนางสุรัตน์ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ แต่ทางผู้สื่อข่าว ได้พบกับเด็กชายคิว อายุ 9 ปี ซึ่งเป็นหลานชาย ของนางสุรัตน์ น้องคิวได้พาผู้สื่อข่าวเข้ามาดูคราบเลือดที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด ซึ่งมีคราบเลือดหยดอยู่ตามพื้นบ้านและประตูห้องน้ำ ตรงเครื่องซักผ้าใกล้บริเวนห้องน้ำเป็นจำนวนมาก
เด็กชายคิว เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนนั้นอาศัยอยู่กับตายาย และพี่ชายอีกคนที่บ้านหลังนี้ ยายนั้นจะออกไปทำงานรับจ้างนอกบ้าน เมื่อคืนวันที่เกิดเหตุ ตนนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ ในช่วงเย็น ยายสุรัตน์ได้เดินทางกลับมาบ้านและทำกับข้าวให้ตนกิน หลังจากออกไปรับจ้างทำงานข้างนอกมา ยายก็พบว่าตาต่วยนั่งดื่มเหล้าอยู่ จึงได้มีปากเสียงกัน และยายสุรัตน์ ก็ได้ทะเลาะกับตาต่วย และตนก็เห็นว่า ยายสุรัตน์ได้เข้าไปหยิบมีด เพื่อจะมาทำร้ายตัวเอง ตาต่วยเห็นจึงเดินเข้าไปห้ามยื้อแย่งมีดกัน ยายพูดว่าอย่ามาห้าม อยากตาย ตนได้ยินเช่นนั้นก็ได้พูดกับยายว่า อย่าเถียงกันและเข้าไปกอดยายไว้เพราะสงสารยาย แล้วตาก็บอกกับยายว่าได้ยินที่ลูกพูดไหม จากนั้นยายก็เข้าไปล้างตัวในห้องน้ำแต่มีเลือดไหลเยอะมาก ตนก็ตกใจ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ ก็มาที่บ้านนำตัวยายส่งโรงพยาบาลสุรินทร์
ส่วนด้านอาการยายสุรัตน์นั้น อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว และพักรักษาตัวอยู่ที่โงพยาบาลสุรินทร์และมีตาต่วยคอยดูแลอยู่ที่โรงพยาบาล