ข่าวอาชญากรรม

มหาสารคาม จับได้แล้วผัวโหดฆ่าเมียฝังดินหลังหนีไปกบดานที่ขอนแก่น ผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เหตุผู้ตายด่าทอเกิดโมโห ขณะที่พ่อผู้ตายไม่เชื่อว่าทำคนเดียว

วันที่ 17 มกราคม 2567 ที่ห้องสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม พ.ต.อ.สุเมธ พิทักษ์เกียรติยศ ผู้กับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พ.ต.ท.กฤษฎา นิติพจน์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองมหาสารคาม และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม ร่วมกันจับกุมตัว นายสุวรรณ ลีโย หรือนายบ็อบ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ตามหมายจับที่ จ.11/2567 ลงวันที่ 9 มกราคม 2567 โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่อำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ก่อนนำตัวมาสอบสวนต่อที่ สภ.เมืองมหาสารคาม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผบก.ภ.จว.มค. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกับจับกุม นายสุวรรณ ลีโย หรือนายบ็อบ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ในคดีฆ่า นางสาวดาราพร อายุ 30 ปี ภรรยา ก่อนนำร่างไปฝังดินที่หลุมถ่าน ในป่าท้ายหมู่บ้านก่อนหลบหนีไป โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีจนนำไปสู่การจับกุม สามารถจับกุมได้ที่ เขตอำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว และได้พี่น้องสื่อมวลชนช่วยกันกระจายข่าว จนมีผู้แจ้งเบาะแสจนสามารถจับตัวผู้ต้องหาได้ โดยมอบเงินรางวัลให้กับพลเมืองดีที่แจ้งเบาะแสเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหารับว่าในวันเกิดเหตุได้ทำร้ายผู้ตายซึ่งเป็นเป็นแฟนกันโดยการบีบคอจนเสียชีวิตแล้วก็นำผ้าปูที่นอนทำการห่อร่างของผู้ตายแล้วก็นำไปฝังในหลุมซึ่งได้ขุดเอาไว้ โดยเอาผู้ตายใส่รถเข็นซ้อนมอเตอร์ไซค์ไป เอาไปฝังที่หลุมถ่าน ซึ่งเป็นที่ดินของครอบครัวผู้ต้องหาเอง และนำดินมากลบ โดยผู้ต้องหาบอกว่ากระทำการเพียงคนเดียว ทำไปด้วยอารมณ์โกธร เนื่องจากก่อนเกิดเหตุผู้ตายและผู้ต้องหา และเสพยาเสพติดด้วยกัน ก่อนมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง เพราะ ผตห. เขวี้ยง โทรศัพท์ของผู้ตายทิ้ง ทำให้ถูกผู้ตายต่อว่าอย่างรุนแรงจนเกิดอารมณ์โมโหและบีบคอผู้ตายจนกระทั่งเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ

จากนั้นเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายบ็อบ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านหนองโพด หมู่ 5 ต.แวงน่าง อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยจุดแรกเป็นบ้านสวนที่เกิดเหตุ ซึ่งทั้งคู่พักอาศัยอยู่ด้วย โดยนายบ็อบเล่าว่า ในวันเกิดเหตุ กินเหล้าเมาก่อนที่จะมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับแพร และได้เขวี้ยงโทรศัพท์แพรทิ้ง แพรโมโห และด่าว่าตนด้วยถ้อยคำรุนแรง หยาบคาย ด่าไปจนถึงบุพการีของตน ตนเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ก็โมโหถึงขั้นลงไม้ลงมือกับแพร จากนั้นก็บีบคอแพร โดยแพรได้เอามีดมาแทงตน ถูกที่ใบหน้าเป็นแผล และกัดที่นิ้วกลางด้านซ้ายของตน รอยเลือดที่หยดบนตัวบ้านก็เป็นเลือดของตน ก่อนที่แพรได้สะบัดตัวหลุดออกจากในบ้าน วิ่งหนีลงจากตัวบ้านและล้มลง ตนจึงได้ตามมานั่งคร่อมบีบคอซ้ำ ประมาณเกือบ 10 นาที จนแพรแน่นิ่งไป เมื่อทราบว่าแพรเสียชีวิต จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ ไปเอารถเข็นที่บ้านพี่ชาย นำร่างของแพรห่อด้วยผ้าห่ม และใช้เส้นทางลัดที่สามารถลัดไปออกที่ป่าท้ายหมู่บ้านได้ โดยนำร่างแพรอุ้มใส่รถเข็น นำตัวขึ้นรถไปก่อน และนำส่วนขาขึ้นรถเข็น จากนั้นก็ขี่รถไปที่ท้ายหมู่บ้าน เมื่อเข้าไปถึงจุดทิ้งศพ ก็พลิกร่างแพรลงไปในหลุม และใช้จอบเกลี่ยดินฝังร่างแพร ก่อนที่จะหลบหนีไปซ่อนตัว ซึ่งบรรยากาศทำแผนประกอบสีหน้าแววตาของนายบ็อบดูมีความเครียดอย่างเห็นได้ชัด โดยนายบ็อบบอกว่าอยากฝากขอโทษทุกคน ขอโทษครอบครัวของแพรด้วย ตนทำผิดไปแล้ว ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าตนไม่ใจร้อนคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ยืนยันว่า วันนั้นไม่ได้เสพยา แต่กินเหล้าจนเมา ตนเป็นคนในร้อนอยู่แล้ว ทะเลาะกันบ่อยอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็ทำงานจนเหนื่อย ก็มาชวนทะเลาะ ไม่ใช่เรื่องหึงหวง วันนั้นแพรด่าตนด้วยถ้อยคำรุนแรง ด่าเยอะ ด่าพ่อแม่ตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย จึงก่อเหตุขึ้น ตั้งแต่ถูกจับก็ยังไม่ได้พบกับพ่อแม่ของตนเอง อยากฝากบอกพ่อกับแม่ว่าตนขอโทษ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายบ็อบ ไปชี้จุดทิ้งศพ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านสวนประมาณ 700 เมตร มีชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างก็มารอดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก พร้อมตะโกนสาปแช่งนายบ็อบ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้วางกำลังเต็มพื้นที่ เพื่อป้องกันเหตุการณ์รุมประชาทัณฑ์ ซึ่งในจุดทิ้งศพ นายบ็อบเล่าว่า เมื่อขี่จยย.พร้อมรถเข็นใส่ศพมาถึงที่หลุม ก็ได้พลิกร่างของแพรให้ตกลงไปในหลุม ผ้าห่มที่พันร่างอยู่ก็พันตัวลงไปด้วยในลักษณะคว่ำหน้า ก่อนที่จะนำจอบมากลบดินจนเกือบเต็มหลุมและหลบหนีไป

โดยไทม์ไลน์ของนานบ็อบ ผู้ต้องหา ระบุว่า – วันที่ 7 มกราคม 67 เวลาประมาณ 18.00 น. ได้ทะเลาะกัน จนกระทั่ง 20.00 น. นายบ็อบได้ลงมือบีบคอ น.ส.แพร จนเสียชีวิต จากนั้นนายบ็อบได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของตนไปเอารถเข็นที่อยู่บ้านพี่ชาย แล้วนำมาใส่ศพของ น.ส.แพร ไปที่ป่าท้ายหมู่บ้าน เพื่อนำศพไปฝังดิน โดยใช้เวลาในการกลบดินฝังประมาณ 30 นาที หลังก่อเหตุได้ไปหลบซ่อนอาศัยอยู่ที่บริเวณกระท่อมนา ซึ่งเป็นซุ้มไก่ของพี่ชาย จนกระทั่งเวลาประมาณ 00.30 น. ของวันที่ 9 มกราคม 67 ได้ไปเอารถจักรยานยนต์ของ น.ส.แพร ที่จอดไว้ที่บ้านสวน นำไปจอดไว้ที่หน้าบ้านของ น.ส.แพรในหมู่บ้าน วันที่ 9 มกราคม 67 เวลาประมาณ 21.00 น. นายบ็อบได้เดินทางเข้ามาที่บ้านของตนเอง และได้มาขโมยเงินของตาไปจำนวน 4,000 บาท และเก็บเสื้อผ้า จากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์ของพ่อไปที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น วันที่ 11 มกราคม 67 นายบ็อบได้พบกับชายชาวลาว และได้ขอพักอาศัยอยู่ด้วย โดยไปขอไปทำงานที่เขียงหมูแห่งหนึ่งในอำเภอบ้านไผ่

ต่อมาวันที่ 16 มกราคม 67 เวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองมหาสารคาม ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบนายบ็อบ อาศัยอยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ถนนเจนจบทิศ ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านไผ่ แล้วร่วมกันเข้าไปตรวจสอบบ้านเช่าหลังดังกล่าว พบตัวนายบ็อบ จึงได้แสดงหมายจับให้นายบ็อบได้ดูและอ่านจนเข้าใจดีแล้ว จึงควบคุมตัวมาที่ สภ.เมืองมหาสารคาม จัดทำบันทึกส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยในชั้นจับกุม นายบ็อบรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ นายบ็อบมีประวัติเคยถูกจับในคดีลักทรัพย์ เมื่อปี 2556 ถูกจำคุกเป็นเวลา 4 ปีเศษ ก่อนที่จะพ้นโทษออกมาได้ 2 เดือน 22 วัน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนหว่าน จับกุมตัวข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ถูกจำคุกอีกเป็นเวลาประมาณ 4 ปี พ้นโทษเมื่อวันที่ 11 มกราคม 65 และได้มาคบกับ น.ส.แพรพี่สาวขอให้ประหารชีวิต เกรงออกจากคุกแล้วจะมาแก้แค้น ขณะที่พ่อผู้ตายไม่เชื่อว่าจะลงมือทำคนเดียว