ข่าวเศรษฐกิจ

บุรีรัมย์ แรงงานหนีสงครามอิสราเอลแห่ยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือต่อเนื่องหลายคนยอมซื้อตั๋วกลับเองหลังสถานการณ์รุนแรงขึ้น

แรงงานบุรีรัมย์ที่หนีภัยสงครามจากอิสราเอลกลับภูมิลำเนา แห่นำเอกสารหลักฐานเข้ายื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือที่แรงงานและจัดหางานจังหวัดต่อเนื่องรวมกว่า 50 ราย หลายคนรอไม่ไหวยอมซื้อตั๋วกลับเองหลังสถานการณ์รุนแรงนอนผวาจากเสียงระเบิดทุกคืนหวั่นไม่ปลอดภัย ขณะผู้เสียชีวิต 3 รายยังรอพิสูจน์อัตลักษณ์

วันที่ 24 ต.ค. 2566 แรงงานจากหลายอำเภอในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่หนีภัยสงครามจากอิสราเอลกลับมายังภูมิลำเนา ได้แห่นำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งพาสปอาร์ตหรือบัตรประชาชนยืนยันตัวตน , เอกสารที่นายจ้างอิสราเอลเซ็นรับรองให้ รวมทั้งต้นขั้วตั๋วเครื่องบิน เข้ายื่นคำร้องที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด รวมทั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานและติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล สำนักงานแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือและสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงเงินสงเคราะห์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ โดยขณะนี้มีแรงงานเข้ามายื่นคำร้องแล้วกว่า 50 ราย จากจำนวนแรงงานที่เดินทางกลับมาถึงภูมิลำเนาแล้วกว่า 70 ราย ส่วนแรงงานที่มีรายชื่อเสียชีวิต 3 รายนั้น ยังอยู่ระหว่างรอการพิสูจน์อัตลักษณ์ของทางการอิสราเอล ก่อนจะส่งศพกลับไทยเพื่อให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา

นางนิธิอร บุญญานุสิทธิ์ จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ช่วงนี้ได้มีแรงงานที่กลับจากอิสราเอลเดินทางมายื่นคำร้องที่จัดหางาน และแรงงานจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรอรับเงินช่วยเหลือจากทั้งรัฐบาลไทย และรัฐบาลอิสราเอล โดยแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากภัยสู้รบดังกล่าว จะได้รับเงินสงเคราะห์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ 15,000 บาท กรณีพิการ 15,000 บาท ทุพพลภาพ 30,000บาท เสียชีวิต 40,000 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายการจัดการศพในต่างประเทศ จ่ายตามจริง ไม่เกิน 40,000 บาท นอกจากนี้แรงงานที่ไปทำงานอย่างถูกกฎหมาย ตามที่รัฐบาลไทยทำ MOU ร่วมกับรัฐบาลอิสราเอล จะได้รับเงินสงเคราะห์จากทางการอิสราเอลอีกจำนวนหนึ่งทั้งเงินก้อนและรายเดือน กรณีแรงงานที่ทำงานครบสัญญาจ้าง 1 ปีขึ้นไป ก็จะได้รับเงินปิซูอิมหรือเลิกจ้าง ตามเหรดค่าจ้าง 1 เดือนด้วย และหากรายใดยังมีค่าจ้างค้างจ่ายก็จะประสานติดตามให้ จึงประชาสัมพันธ์ให้ให้แรงงาน ที่กลับมาถึงภูมิลำเนาแล้วรีบมายื่นคำร้อง เพื่อรักษาสิทธิ์ประโยชน์ของตัวเอง

ด้านนายบรรจง ยิวารัมย์ อายุ 44 ปี แรงงานชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ หนึ่งในแรงงานที่มายื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือตามสิทธิ์ บอกว่า ไปทำงานที่อิสราเอลได้ 5 ปีกว่าแล้ว แต่นายจ้างให้ต่อสัญญาอีกจึงตัดสินใจจะทำงานต่อ เพราะยังมีภาระที่ต้องส่งเสียครอบครัวทั้งพ่อแม่ ภรรยา และลูกอีก 2 คน เมื่อก่อนทำงานที่ไทยได้ค่าแรงเดือนละ 15,000 บาท ไม่เพียงพอ แต่ทำงานที่อิสราเอลได้เดือนละ 5 – 6 หมื่นบาท ก็ส่งมาจุนเจือครอบครัวได้ แต่ที่ตัดสินใจเดินทางกลับเพราะมีเหตุการณ์สู้รบกัน ซึ่งตนได้ลงทะเบียนไว้แล้วแต่มีจำนวนแรงงานไทยที่ประสงค์จะกลับมากถึง 7 พันคน และไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงคิวของตัวเอง เพราะทราบว่ารัฐช่วยกลับได้แค่วันละ 200 – 400 คนเท่านั้น ทำให้ตนต้องรออยู่ที่ทำงานซึ่งก็ได้ยินเสียงระเบิดนอนผวาทุกคืน จึงตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเองเพราะสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกรงจะไม่ปลอดภัย ถามว่าจะกลับไปทำงานอีกหรือไม่ก็ขอดูสถานการณ์ก่อน แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อก็อาจจะไปทำงานประเทศอื่นแทน