ข่าวการศึกษา

สุรินทร์ ผอ.โรงเรียนแจง กรณีรองผอ.รร.ใช้เงินของนักเรียนไม่โปร่งใสหยุดเรียนขอให้ออกบิลทิพย์ ขณะที่ผู้ประกอบการฉะมีเอกสารการสั่งงานกลุ่มไลน์ยื่นหนังสือ 3หน่วยงานไม่คืบ เตรียมเข้ายื่นกระทรวงให้ตรวจสอบ

จากกรณีดราม่าอาหารกลางวันนักเรียน จ.สุรินทร์ ที่มีประชาชนยื่นหนังสือร้องเรียนให้กับ “ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ” รองโฆษกพรรคก้าวไกล และ “ นายเบญจมินทร์ ปันสน” สมาชิกพรรคก้าวไกลสุรินทร์ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2566 ให้ตรวจสอบรองผู้อำนวยโรงเรียนในเมืองสุรินทร์แห่งหนึ่ง เนื่องจากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวควรต้องมีตรวจสอบการใช้งบอย่างโปร่งใส ป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ไม่ควรที่จะปล่อยปะละเลย จะทำให้โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงถูกทำลาย ไม่ใช่เพราะสถาบันการศึกษา แต่เพราะคณะผู้บริหารขาดความโปร่งใสและไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ของนักเรียนเป็นสำคัญที่สุดได้ โดยเป็นโครงการอาหารกลางวันนักเรียนระดับประถมศึกษาถือเป็นบริการสาธารณะของรัฐที่จัดขึ้นเพื่อให้นักเรียนมีสวัสดิการด้านการศึกษาและได้รับโภชนาการที่ดี ปัจจุบันโรงเรียนดังกล่าวมีการวางแนวทางการสั่งอาหารกลางวันนักเรียนคือ ใน 1 วัน จะมีอาหารนักเรียน 1 อย่าง + ผลไม้ และสั่งอาหารให้ครูเพิ่ม + 1 อย่าง เท่ากับรวมเป็นอาหาร 2 อย่าง โดยรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้นำค่าอาหารครูไปรวมเข้ากับค่าอาหารนักเรียน และยังมีการเก็บเงินเพิ่มจากบุคลากรครูในโรงเรียนอีกจำนวน 200 บาท/ เดือน/ คน ซึ่งรอง ผอ. รร. แห่งนี้มียังการสั่งของนอกรายการ เช่น กาแฟ ผงชง กระเช้าผลไม้ ฯลฯ รวมไปถึงเมื่อโรงเรียนมีงานกิจกรรมต่าง ๆ ให้นำค่าใช้จ่ายไปลงในรายการโครงการอาหารกลางวันนักเรียน ซึ่งควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบการใช้งบ เบิกจ่ายเพื่อป้องกันความเสียหายและรักษาผลประโยชน์ของนักเรียน นอกจากนี้ในช่วงที่หยุดเรียน นักเรียนไม่ได้มาโรงเรียน แต่กลับมีการขอให้ร้านอาหารออกบิลใบเสร็จให้จำนวน 30,000 บาท/ วัน และรอง ผอ. มีการเรียกรับเงินด้วยวาจาอย่างไม่เป็นทางการจากคู่ค้าร้านอาหาร ร้านแก๊สหุงต้ม ร้านเครื่องเขียน ฯลฯ จำนวน 50,000 บาท/ภาคเรียน หากไม่จ่ายให้โรงเรียนจะไม่สั่งซื้อสินค้าด้วย

ล่าสุดวันที่ 8 กันยายน 2566 ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์(โรงเรียนเมืองสุรินทร์) พบกับนายชีวิน ทองศรี(เสื้อไหม) ผอ.โรงเรียน, นางพงศ์ทิพย์ สมชอบ (เสื้อสีแดง) ผู้ทรงคุณวุฒิ(กรรมการศึกษาโรงเรียน), นายเกียรติศักดิ์ สุขชีพ (เสื้อสีแดง)ผู้ทรงคุณวุฒิ(กรรมการศึกษาโรงเรียน), และนางสุภัคร์ สุขกฤต(เสื้อสีม่วง) ผู้ถูกกล่าวหา) รอง ผอ.โรงเรียน ฝ่ายงบประมาณ ได้เชิญทีมข่าวเข้าห้องประชุมเพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว โดยเรื่องดังกล่าวมีเรื่องนำค่าอาหารครูไปรวมกับค่าอาหารกลางวันของนักเรียน, การสั่งของนอกรายการ เช่นกาแฟ ผงชา กระเช้าผลไม้ รวมถึงงานกิจกรรมต่าง ๆ นำไปรวมค่าเบิกจ่าย และกรณีที่เด็กนักเรียนไม่ได้มาโรงเรียนในช่วงปิดภาคให้ออกบิล 30,000 บาทต่อวัน นั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งได้แจงว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นได้ประมาณ 2-3 เดือนแล้ว ช่วงนั้นได้มีทางเทศบาลเมืองสุรินทร์ได้เข้ามาตรวจสอบโรงอาหารของโรงเรียน จึงได้แจ้งโรงเรียนว่าให้จัดทำเป็นการสั่งซื้อของผู้ส่งวัตถุดิบเป็นราย ๆ ไป ทางโรงเรียนจึงได้ทำตามที่ทางเทศบาลเมืองสุรินทร์แนะนำ จึงทำให้ผู้ประกอบการส่งวัตถุดิบไม่พอใจจึงได้ยื่นหนังสือร้องไปยังรองโฆษกพรรคก้าวไกล และนายเบญจมินทร์ ปันสน ให้ตรวจสอบโรงเรียนดังกล่าว

ในส่วนของเงินจำนวน 30,000 บาทต่อวันนั้น โดยวันนั้นเป็นวันปิดภาคเรียน ซึ่งจะมีครูอยู่เพื่อตรวจข้อสอบพร้อมทั้งจะมีนักเรียนมาแก้สอบ ครูจึงได้เรี่ยไรเงินกันเพื่อเป็นอาหารการกินกันในวันนั้น พร้อมกันนี้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ก็ได้เรียนครูผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาสอบและชี้แจงเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ประกอบการส่งวัตถุดิบ ทางโรงเรียนได้เชิญมาที่โรงเรียนเพื่อให้มาพูดคุยกันแต่ได้รับการปฏิเสธไม่มา ซึ่งหลังจากมีการร้องเรียนเกิดขึ้น มีผลกระทบต่อทางโรงเรียนค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะตัวเองที่เป็นผู้ถูกร้อง ซึ่งเราไม่เคยทำอะไรโดยพละการ มีกรรมการสถานศึกษาคอยกำกับเราตลอด เราต้องการให้โรงเรียนพัฒนาเราทำคนเดียวไม่ได้ ถ้าไม่มีไม่ผ่านคณะกรรมการ ผู้บริหาร ขอให้เห็นใจคนทำงานด้วย บางทีเจอแบบนี้เราก็ท้อเหมือนกัน เราคนหนึ่งเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็รู้สึกเหมือนกัน หาสิ่งที่เป็นประโยชน์กับโรงเรียนก็ยังโดน ขณะที่เราเต็มที่กับงาน กับเด็ก เต็มที่กับทุกท่านไม่อย่างนั้นท่านผู้ใหญ่คงไม่เมตตาเราขนาดนี้ เห็นการทำงานเราที่ตั้งใจทำงานจริงๆ ก็ขอวอนขอความเป็นธรรมจากสังคมให้มองถึงจุดนี้ด้วย นางสุภัคร์ สุขกฤต รอง ผอ.ร.ร.เมืองสุรินทร์ กล่าว
สำหรับโรงเรียนเมืองสุรินทร์ เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนชาย-หญิง รวมทั้งสิ้น 2,258 คน มีครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวน 180 คน

นายชีวิน ทองศรี ผอ.ร.ร.แห่งหนึ่ง (สวมเสื้อไหมลาย) กล่าวว่า ในส่วนของโรงเรียน เดิมทีเรามีผู้จัดส่งวัตุดิบเพียงเจ้าเดียวตอนหลังได้มีหน่วยงานภายในได้เข้าตรวจสอบและให้เราปฏิบัติตาม อย่างเช่นร้านแก็สเราก็เอาร้านแก็ส ร้านผักเราก็เอาผัก คือแยกซื้อโดยตรงจากร้านแต่ละร้านเลย ซึ่งเดิมทีจะมีแค่เจ้าเดียวที่มาจัดการซื้อให้ และหลังจากมีการร้องเรียนทางหน่วยงานก็ได้ลงสืบข้อเท็จจริงแล้ว ข้อมูลเราก็ได้ให้ไปหมดแล้ว ยืนยันว่าเราทำถูกต้องทุกอย่าง ส่วนกรณีที่ร้องว่าค่าอาหารครูไปรวมเข้ากับค่าอาหารนักเรียน และยังมีการเก็บเงินเพิ่มจากบุคลากรครูในโรงเรียนอีกจำนวน 200 บาท/ เดือน/ คนนั้น คือเราจะไปกินอาหารกลางวันเด็กไม่ได้ เรามีการเก็บต่างหากเฉพาะครู เพื่อที่จะประกอบอาหารให้ครูมารับประทาน เราจะเก็บเดือนละ 200 บาท ก็ตกวันละ 10 บาทต่อคน 200 บาทนี้ไม่ได้เก็บทุกคนแล้วแต่ครูท่านใดจะสะดวก เหมือนการผูกปิ่นโต ซึ่งช่วงปิดเทอมก็จะได้เงินที่เก็บนี้มาทำอาหารให้ครูกิน ซึ่งไม่เกี่ยวกับเงินเด็ก คือเงินเด็กเราจะไปแตะไม่ได้เลย ตรงนี้สามารถมาตรวจสอบบัญชีได้เลย

นายเกรียงศักดิ์ สุขชีพ คณะกรรมการสถานศึกษา (สวมเสื้อแดง)กล่าวว่า ในหลักเกณฑ์ของการทำอาหารกลางวันนั้น เมื่อก่อนมีผู้ส่งของเจ้าเดียว เป็นวัตถุดิบประกอบหาร ทำมานานแล้วตั้งแต่หลาย ผอ.ที่ผ่านมา แต่พอดีเขาเปลี่ยนระเบียบจากการที่ทางเทศบาลลงมาตรวจสอบเรื่องการใช้งบประมาณอาหารกลางวัน กับหน่วยตรวจสอบภายในของสำนักงานเขต 1 มาก็ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า โรงเรียนควรจะหาผู้รับส่งของนี้แยกเป็นส่วนๆไป ทางโรงเรียนก็เลยดำเนินการให้เป็นไปทำตามระเบียบให้ถูกต้อง ตามที่แต่ละหน่วยงานแนะนำมา แต่พอทำไปแล้วเจ้าที่เคยส่งประจำก็เลยอาจขาดผลประโยชน์ ทางโรงเรียนก็ได้เชิญมาพูดคุยแต่เขาไม่รับฟัง ก็เลยเกิดเหตุขึ้นมาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว และเขาก็น่าจะไปร้องต่อทางผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ด้วย เหตุการณ์ก็เป็นไปตามนี้ละ ซึ่งการประกอบอาหารกลางวันเด็กที่นี่ก็ทำดีมาโดยตลอด แต่มันเกิดที่เราต้องทำตามระเบียบให้มันถูกต้อง ไม่อย่างนั้นทางโรงเรียนก็มีความผิด เหมือนเป็นการผูกขาดเจ้าเดียว

นางพงศ์ทิพย์ สมชอบ (เสื้อแดง) ผู้ทรงคุณวุฒิ (กรรมการศึกษาโรงเรียน) กล่าวว่า แต่ก่อนมีเจ้าเดียวที่มีหมู มีไก่ มีกะทิส่งให้เรา เขาทำมาร่วม 10 ปีแล้ว แต่พอมาผู้บริหารยุคใหม่ ทางเทศบาล ทาง ป.ป.ช.เข้ามาบอกให้พวกเราทำทุกอย่างตามระเบียบ เช่นผักให้ซื้อที่ร้านผัก หมูให้ชื้อที่ร้านหมู กะทิก็ให้ซื้อที่ร้านกะทิ แยกซื้อวัตถุดิบแต่ละอย่างจากร้านค้าโดยตรง โรงเรียนเราก็ทำตาม พอเราทำตาม คนที่เขาเคยทำก็เสียผลประโยชน์ และก็เกิดข้อร้องเรียนตรงนี้ขึ้น

นางสุภัคร์ สุขกฤต รอง ผอ.ร.ร. กลุ่มบริหารงบประมาณ (สวมเสื้อสีม่วง)กล่าวว่า ในส่วนที่ว่าเรียกเก็บของคุณครู ตรงนี้เราได้มีการประชุมทุกครั้งที่มีการดำเนินกิจกรรมต่างๆในโรงเรียน เราจะมีคณะทำงาน ในส่วนตรงนี้ไม่เกี่ยวกับอาหารเด็กนักเรียนเลย ส่วนเรื่องกระเช้าก็เป็นเงินของโรงเรียนไม่ได้เกี่ยวข้องในส่วนของอาหารกลางวันเด็กเลย และในส่วนที่ว่าเก็บเงินในช่วงที่ไม่มีเด็กมาเรียนก็เช่นกัน ในช่วงที่เด็กสอบเสร็จปิดเทอมคุณครูก็มาทำงานกันปกติอยู่แล้ว ทางโรงเรียนก็ได้ทำอาหารกลางวันไว้บริการคุณครู ส่วนตรงนี้เป็นเงินที่เราดำเนินการเองไม่เกี่ยวกับเงินอาหารกลางวันเด็กนักเรียนแต่อย่างใด ไม่ได้เบิกเงินของนักเรียนแม้แต่บาทเดียว และเราก็ได้ทำหนังสือชี้แจงไปยัง สนง.เขต เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องเรียนขึ้นเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนตรงนี้ก่อนหน้านั้นทางโรงเรียนเราก็ได้ดำเนินต่อเนื่องเลยก็คือ การสั่งซื้อจากผู้ค้าเพียงรายเดียวและทางเทศบาลซึ่งเป็นเจ้าของเงินก็ได้เข้ามาตรวจสอบเหมือนกับว่ามาตามเงิน เพราะเราได้รับเงินงบฯจากทางเทศบาลเมืองสุรินทร์ วันที่เข้ามาตรวจสอบท่านก็ไม่ได้แจ้งลวงหน้าด้วยว่าจะมา ท่านก็มาดูว่าวันนั้นเราทำเมนูอะไรบ้างให้เด็ก ซึ่งวันนั้นจะเป็นน้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ซึ่งเป็นเมนูที่เด็กโปรดมาก แล้วเมนูต่างๆเรามาจากโปรเกรม Thai School Lunch เราไม่ได้ทำอะไรโดยพละการ และท่านก็ได้มีการสอบถามถึงการดำเนินจัดซื้อจัดจ้างแบบไหน เราก็เลยบอกว่าสั่งจากร้านร้านเดียว ท่านก็ได้แนะนำว่าควรจะกระจายหลายๆร้าน เพราะว่าจะเป็นการซื้อตรงจากผู้ค้า ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง และทางตรวจสอบภายในของเขตพื้นที่การศึกษา ก็ได้เข้ามาตรวจเหมือนกัน ก็ได้ให้คำแนะนำแบบเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมา ป.ป.ช.ก็ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องอาหารกลางวันด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกอย่างก็ดำเนินการตามระเบียบถูกต้อง

ด้านนายมานพ ทองย้อย(เสื้อเชิ้ตลายสก็อต) ผู้ส่งวัตถุดิบ อายุ 56 ปี บ้านพักอยู่ซอยตาดอก อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ทางโรงเรียนก็จะสั่งอาหารของครูเพิ่มอีก 1 อย่าง อาหารและก็พวกกาแฟ โอวันติน กระเช้าผลไม้ น้ำและก็พวกของต่าง ๆ ไปและก็เอาไปรวมในอาหารกลางวันเด็ก ซึ่งเป็นการเบียนบังอาหารกลางวันของเด็กทำให้อาหารน้อยลง ในส่วนของมีการเปลี่ยนการส่งวัตถุดิบนั้นแล้วไม่ได้ให้ตนส่งวัตถุดิบทำให้ตนไม่พอใจแล้วทำการร้องเรียนนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งหลังจากที่ตนส่งอาหารแล้วพอเปิดเทอมเขาก็ไม่สั่งเราอีกเลย โดยไม่มีการพูดคุยกันเลย สาเหตุน่าเกิดจากว่าเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เด็กมาเรียนสอบในวันที่ 17 มีนาคม 2566 และจากวันที่ 20-24 มีนาคม 2566 และก็วันที่ 27-31 มีนาคม 2566 นักเรียนก็ไม่ได้มาเรียนแล้วแต่ว่าครูยังมาทำงานอยู่ แต่ทางโรงเรียนขอให้ทางตนนั้นเขียนบิลเป็นบิลอาหารกลางวันนักเรียนจำนวน 10 วัน ให้ออกบิลวันละ 30,000 บาทขึ้นลง ๆ หมายถึงว่าวันนี้ 30,000 บาท พรุ่งนี้ 31,000 บาท มะรืน 32,000 บาท ต่อมาก็ลดลงมา 30,000 บาทและลดลงมาอีกเป็น 29,000 บาทอะไรแบบนี้ โดยการที่อ้างว่าโรงเรียนยังไม่ได้สั่งปิด ซึ่งเราไม่ได้ส่งอาหารแต่ว่าให้เราออกบิลขอบิลเราที่จะเอาไปตั้งเบิกเพราะโรงเรียนมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนนี้ 10 วัน ทางตนจึงไม่ได้เขียนบิลทิพย์ไปให้โรงเรียนจึงเป็นสาเหตุที่ว่าเปิดเทอมมาจึงไม่สั่งอาหารเรา และไม่ได้มาบอกเราว่าจะให้เราส่งแค่วันเดียวสองวันไม่ได้พูดถึงและติดต่อมาเลย ทำเป็นเหมือนไม่รู้จักกันเลยตั้งแต่ที่เราไม่ได้เขียนบิลทิพย์ให้ไป โดยเรามีหลักฐานหมดทั้งในแชตไลน์การสั่งอาหารเพิ่มและของนอกรายการอีกด้วย ทางเราจึงอยากให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง เพราะเราทำหนังสือร้องเรียนไป ก็ไม่มีการเรียกสอบถามหรือขอข้อมูลเพิ่มจากเราเลย ซึ่งเรื่องอย่างนี้เรายอมไม่ได้เป็นการเบียดเบียนเด็กนักเรียนและเรื่องนี้ทางตนจะดำเนินการต่อไป จะนำหนังสือร้องเรียนและเอกสารหลักฐานทั่งหมดที่มี ไปยื่นต่อกระทรวงศึกษาธิการและ ป.ป.ช. และ ส.ต.ง. ที่กรุงเทพฯ ต่อไป