ประชาสัมพันธ์

กาฬสินธุ์เปิดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นาไคร้แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่รับสงกรานต์

จังหวัดกาฬสินธุ์ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลนาไคร้ อำเภอกุฉินารายณ์ เปิดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นาไคร้ แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศอินโดจีน สู่กาฬสินธุ์ชมเมืองธรณีวิทยา Jurassic World อย่างเป็นทางการ สอดคล้องการเป็นเมืองแห่งความร่ำรวยวัฒนธรรม ประเดิมรองรับนักท่องเที่ยวในเทศกาลสงกรานต์และงานประเพณีบุญบั้งไฟตะไลล้านแห่งเดียวในโลก และชมวัฒนธรรมชาวผู้ไทย

ที่พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นาไคร้ อบต.นาไคร้ ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์บ้านนาไคร้ แหล่งค้นพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์ชนิดกินพืช แหล่งใหญ่และสมบูรณ์ที่สุด แห่งที่ 2 ของ จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายธนภัทร ณ ระนอง ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นายขัตติยา ชัยมณี วัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์ นายวีรดนย์ ศิริ นายอำเภอกุฉินารายณ์ นายภิรมย์ อุทรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาไคร้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร ส่วนราชการ ผู้นำชุมชน และประชาชนร่วมชมการจัดนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์เป็นจำนวนมาก

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นาไคร้ ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ ถือเป็นการเพิ่มพื้นที่การท่องเที่ยว ตามสโลแกน 3 ร่ำรวย คือร่ำรวยวัฒนธรรม ร่ำรวยน้ำใจ และร่ำรวยสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นการประตูด่านหน้าจุดแรก ที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากประชาคมอินโดจีน ได้แก่ สปป.ลาว เวียดนาม รวมถึงนักท่องเที่ยว สถาบันการศึกษา ที่เดินทางมาจาก จ.มุกดาหาร จ.สกลนคร จ.ร้อยเอ็ด เพื่อมาชมและศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ตำนานเมืองไดโนเสาร์โลก ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย

นายศุภศิษย์ กล่าวอีกว่า จ.กาฬสินธุ์ ยังจะมีการพัฒนา ต่อยอดเป็นศูนย์รวมของไดโนเสาร์พันธุ์ไทย ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นเมืองตำนานไดโนเสาร์โลก หรือ Kalasin Jurassic World อีกด้วย โดยกำลังพัฒนาให้เป็นเมืองธรณีวิทยา หรือ Geopark เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยง 7 อำเภอคือสหัสขันธ์ คำม่วง สมเด็จ ห้วยผึ้ง นาคู เขาวง และกุฉินารายณ์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างการท่องเที่ยวสู่สากล สร้างรายได้สู่ชุมชน จึงสอดคล้องกับการพัฒนาให้กาฬสินธุ์เป็น “เมืองจูราสสิคเวิร์ลด์ หรือเมืองตำนานไดโนเสาร์โลก” ในอนาคต

ด้านนายภิรมย์ อุทรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาไคร้ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปี 2537-2539 ชาวบ้าน ร่วมกับพระสงฆ์ได้ร่วมกันปรับพื้นที่บริเวณวัดภูผาวัว ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาภูผาวัว ในเขต ต.นาไคร้ จากนั้นได้พบหินลักษณะคล้ายฟอสซิลไดโนเสาร์ จึงได้แจ้งไปทาง ผวจ.กาฬสินธุ์และประสานนักธรณีวิทยา ทำการสำรวจและขุดค้นเพิ่มเติม พบเป็นฟอสซิลไดโนเสาร์ชนิดกินพืช จำนวน 171 ชิ้น ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งค้นพบซากฟอสซิลแหล่งใหญ่ และสมบูรณ์ที่ในประเทศไทย และเป็นแห่งที่ 2 ของ จ.กาฬสินธุ์ต่อจากพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว อ.สหัสขันธ์

นายภิรมย์ กล่าวต่อว่า ด้วยความรู้สึกหวงแหนฟอสซิลไดโนเสาร์ อบต.นาไคร้ ร่วมกับหลายภาคส่วนขอรับงบประมาณสนับสนุนจากกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น ในการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นาไคร้ จำนวน 19,350,000 บาท และองค์การบริหารส่วนตำบลนาไคร้ สมทบจำนวน 2,150,000 บาท รวมงบประมาณ 21,500,000 บาท ภายในพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นาไคร้ มีทั้งหมด 5 โซน คือ โซนต้อนรับ จำหน่ายบัตรเข้าชมและวิวัฒนาการไดโนเสาร์สายพันธ์ต่างๆ โซนฉายภาพยนตร์แนะนำสถานที่ โซนระบบสุริยะ-โลก-ดวงจันทร์ โซนแหล่งกำเนิดกำเนิดการค้นพบไดโนเสาร์บ้านนาไคร้ ห้องประวัติการขุดพบซากฟอสซิลกระดูกไดโนเสาร์ที่บ้านนาไคร้ และเปรียบเทียบการวิ่งแข่งกับไดโนเสาร์สายพันธ์ต่างๆ และห้องจัดแสดงไดโนเสาร์จำลองสายพันธ์ภูเวียง โกซอรัส สิรินธรเน เคลื่อนไหวได้และนิทรรศการไดโนเสาร์

นายภิรมย์ กล่าวอีกว่า ในอนาคตพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์บ้านนาไคร้ จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวและเส้นทางวัฒนธรรมไปยัง จ.มุกดาหาร และประเทศเพื่อนบ้าน คือสปป.ลาว เวียดนาม การเปิดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นาไคร้อย่างเป็นทางการในวันนี้ ยังถือเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยี่ยมเยือนในเทศกาลสงกรานต์ และเที่ยวงานบั้งไฟตะไลล้าน ที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ค.ที่จะถึงนี้อีกด้วย ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นาไคร้ ตั้งอยู่บ้านนาไคร้ ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เปิดให้เข้าชมในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ หยุดวันจันทร์ ค่าเข้าชมเด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท