ข่าวสังคม

อุบลราชธานี รองประธาน สภา อบจ.อุบลฯนำชาวบ้าน 3 อำเภอร้องศูนย์ดำรงธรรมแจ้งความผู้รับเหมาสร้างบ้านร่วมกันฉ้อโกง

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นายวัชรพล เชื้อคง รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยนายศักดิ์ดา ขัมภะกิจ ส.จ.เขต อ.ม่วงสามสิบ และนายปิยะ วงศ์คำเหลา ส.จ. เขต อ.วารินชำราบ พาชาวบ้านจาก อ.ม่วงสามสิบ อ.วารินชำราบ และ อ.สำโรงจ.อุบลราชธานีเดินทางร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากผู้รับเหมาก่อสร้าง ออกตระเวนไปแต่ละอำเภอ เพื่อยื่นข้อเสนอจะสร้างบ้านให้ผ่านโครงการกู้เพื่อสร้างบ้านกับทางธนาคารแห่งหนึ่ง โดยทางผู้รับเหมาได้เสนอว่าหากทำบ้านกับตนเองแล้ว เงินจะเหลือจากการสร้างบ้านหลายแสนบาทและสามารถเอาเงินไปลงทุนได้หลายอย่างในครอบครัว พร้อมพูดโน้มน้าวต่างๆนาๆและตีสนิทให้ผู้เสียหายไว้ใจเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และยืนยันไม่ต้องห่วงเรื่องเอกสารที่จะยื่นเรื่องกับทางธนาคารแต่อย่างไร ซึ่งผู้รับเหมาก่อสร้างอ้างว่ารู้จักและสนิทกับฝ่ายสินเชื่อธนาคารเป็นอย่างดีจะดำเนินงานให้เองทุกอย่าง ไม่มีเครดิตก็สามารถกู้สร้างได้ ซึ่งผู้รับเหมาอ้างว่ามีทีมงานจะช่วยในการดำเนินการขอกู้เงิน โดยจะหาผู้รับจ้างกู้มาให้แทน เพียงแค่ใช้โฉนดที่ดินของชาวบ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน จากนั้นก็มาทำบ้านให้ พอบ้านเสร็จแล้วก็อ้างว่าไม่มีเงินเหลือและติดลบ ต้องหาใช้หนี้เพิ่มจากวงเงิน 2.7 ล้านบาท ที่กู้มาได้ หลังจากสร้างบ้านแล้วเสร็จประมาณ 4 เดือนปรากฏว่าวัสดุไม่ได้มาตรฐาน บ้านชำรุดเสียหาย ไม่ตรงตามแบบบ้าน และก็ไม่ยอมรัฐผิดชอบแต่อย่างใด ที่สำคัญชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเพราะผู้รับเหมาหักเงินค่างวดไปแล้วล่วงหน้า 1 ปี แต่ไม่ชำระเงินงวดให้ จนล่าสุดธนาคารได้ออกมาตรวจสอบบ้านที่สร้างในหมู่บ้านเดียวกันโดยเฉพาะที่บ้านตำแย อ.ม่วงสามสิบจำนวน 9 หลัง เป็นผู้รับเหมารายเดียวกันพบว่าไม่ชำระค่างวด พร้อมส่งหนังสือแจ้งเตือนให้ชำระหนี้ โดยมีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันในหลายอำเภอโดยเฉพาะอ.ม่วงสามสิบ อ.วารินชำราบ และ อ.สำโรงจ.อุบลราชธานี จึงรวมกันเดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัด

ด้าน นายวัชรพล เชื้อคง รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า มีผู้เสียหายคาดว่าหลาย อำเภอในจังหวัดอุบลซึ่งจะมีนายหน้า และจะอ้างตัวว่าเป็นนายหน้าของธนาคารซึ่งเป็นธนาคารของรัฐบาลไปบอกชาวบ้านว่าธนาคาร จะให้กู้สร้างบ้านให้ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านบางคนไม่มีบ้านก็อยากจะได้บ้านอาศัย ตรงที่ว่าสร้างบ้านเสร็จก็จะมีเงินส่วนหนึ่งที่เหลือจากการสร้างบ้านเพื่อจะไปทำมาหากินต่อไปนายหน้าก็อาศัยช่องว่างอันนี้แหละไปจ้างผู้รับจ้างกู้แทน ชาวบ้านบางคนไม่มีเครดิตที่จะไปกู้ธนาคารได้ก็ไปจ้างผู้กู้อย่างเช่นอำเภอสำโรงไปจ้างคนกู้คนหนึ่งและไปสร้างบ้านอีกที่หนึ่ง คนกู้เงินจากธนาคารจะได้ 10% สมมุติกู้มา 2,700,000 บาทคนกู้ก็จะได้ 270,000 บาท ไปสร้างบ้านหลังหนึ่งในวงเงิน 2,700,000 บาท ซึ่งบ้านจริงๆก็จะสร้างประมาณ 7-8 แสน บาท และการตรวจรับการจ่ายเงินเป็นงวดๆของธนาคารก็ผิดวิสัยโดยที่งานบางอย่างที่ยังไม่เสร็จงานเสร็จแค่ 80% ก็จ่ายเงินครบทั้งหมดของ 2,700,000 บาทซึ่งธนาคารก็ได้จ้างคนมาประเมินที่จะมาตรวจรับงานเพื่อจะมาจ่ายเงินงวดสุดท้าย ก็เป็นคนนอกเพราะฉะนั้นวันนี้ก็เลยพาชาวบ้านอำเภอม่วงสามสิบอำเภอสำโรงมาร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและพาชาวบ้านไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ สภ.เมืองเพื่อดำเนินคดีกับผู้รับเหมาในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง