ข่าวสังคม

บุรีรัมย์ น้อง ม.6 เหยื่อน้ำกรดสาดเสียโฉม เริ่มมีหวังหลังคลินิกศัลยกรรมรับจะช่วยรักษา

น้อง ม.6 ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เหยื่อโดนสองผัวเมียแค้นสาดน้ำกรดใส่เสียโฉม หูขาด ตาหวิดบอดลำตัวแขนขาเต็มไปด้วยรอยแผลไหม้ ไม่สามารถไปเรียนและใช้ชีวิตได้ตามปกติ เริ่มมีความหวังหลังคลินิกศัลยกรรมติดต่อจะช่วยศัลยกรรมใบหน้าให้ฟรีแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ หลายหน่วยงานรุดช่วยเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมดูแลเรื่องการเรียนให้จบทันเพื่อน

ความคืบหน้ากรณีที่คนร้าย 2 คน สวมชุดดำและไอ้โม่งปิดบังใบหน้า ใช้รถเก๋งเป็นยานพาหนะ ถือถังใส่น้ำกรดบุกเข้าไปสาดใส่ น.ส.ณัฐติกานต์ ไขรัมย์ หรือน้องอั้ม อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ขณะนั่งกินข้าวอยู่กับยาย และน้าชาย ภายในร้านอาหารตามสั่ง เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ส.ค.66 ที่ผ่านมา โดยน้องอั้ม โดนน้ำกรดทั้งที่ใบหน้า ดวงตา หน้าอก ไหลอาบลำตัวสภาพผิวหนังไหม้ เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย กระทั่งวันที่ 31 ส.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายศาลจังหวัดนางรอง ไปติดตามจับกุมตัว นายเจษฎาภรณ์ อายุ 21 ปี และ น.ส.อังคณา อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา ได้ที่จ.อุดรธานี หลังพบพยานหลักฐานทั้งการเช่ารถยนต์ที่ใช้ประกอบเหตุ รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่ยืนยันได้ว่าทั้งสองร่วมกันก่อเหตุสาดน้ำกรดน้องอั้ม ขณะนี้อยู่ระหว่างต่อสู้คดีชั้นศาล ส่วนมูลเหตุจูงใจคาดว่าทั้งสองสามีภรรยาแค้นที่เคยถูกแจ้งความฐานพรากผู้เยาว์ และทำให้เสียทรัพย์ แต่ก็มีการไกล่เกลี่ยชดใช้ค่าเสียหายและคดีก็จบกันไปแล้ว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้น้องอั้มต้องนอน รักษาตัวที่ รพ.บุรีรัมย์นานถึง 4 เดือน ทุกวันนี้แม้ว่าหมอจะอนุญาตให้กลับมาดูแลรักษาตัวต่อที่บ้าน แต่สภาพก็เหมือนตายทั้งเป็นเพราะใบหน้าเสียโฉม หูซ้ายขาด ตาซ้ายหวิดบอดมองเห็นไม่ชัด ลำตัว แขน ขามีแต่รอยไหม้จากฤทธิ์น้ำกรด จนน้องอั้มไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ทั้งแม่และลูกจึงได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 3 ม.ค. 2567 เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย ตัวแทนอำเภอนางรอง ผอ.และครูโรงเรียนที่น้องเรียน รวมถึงกลุ่มงานกองการศึกษาเทศบาลเมืองนางรอง ได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมให้กำลังใจน้องอั้ม และครอบครัว พร้อมมอบหาแนวทางช่วยเหลือโดยเฉพาะเรื่องการศึกษาของน้อง ก็จะดูแลให้เรียนจบเหมือนทันเพื่อนคนอื่น เพื่อให้น้องมีโอกาสได้ศึกษาต่อเพื่ออนาคตข้างหน้า ขณะที่ผู้ใจบุญก็ได้บริจาคเงินช่วยเหลือน้องอั้ม แล้วกว่า 600,000 บาท และที่เป็นข่าวดีกว่านั้นคือได้มีคลินิกศัลยกรรมชื่อดังแห่งหนึ่งที่กรุงเทพมหานคร ได้ติดต่อประสานกับแม่ของน้อง ว่าจะช่วยทำศัลยกรรมใบหน้าให้น้อง เพื่อให้สามารถออกไปใช้ชีวิตได้เหมือนคนอื่น ทำให้น้องเริ่มมีความหวังมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ต้องใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นไปกล้าออกไปไหน

น.ส.ณัฐติกานต์ หรือน้องอั้ม บอกว่า รู้สึกดีใจและมีกำลังใจมากขึ้น หลังจากที่หน่วยงานต่างๆ เข้ามาเยี่ยม รวมถึงมีผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือก็จะเก็บไว้เป็นค่าเดินทางไปหาหมอกินอยู่ และที่สำคัญคือมีคลินิกศัลยกรรมติดต่อมาว่าจะช่วยศัลยกรรมใบหน้าให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ถึงแม้จะได้สัก 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ก็ยังดีเพื่อให้กล้าออกไปใช้ไหนมาไหนหรือใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นบ้างก็ยังดี ก็ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ

ด้าน น.ส.จิราวรรณ ชะเกตุรัมย์ แม่น้องอั้ม บอกว่า เรื่องคดีก็ว่ากันไปตามกระบวนการ แต่ที่เป็นห่วงมากที่สุดคือสภาพจิตใจและร่างกายของลูกสาว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องน้องก็ไม่กล้าออกไปไหนเลยนอกจากไปหาหมอที่ รพ. ซึ่งหมอก็ยังนัดไปรักษาทั้งเรื่องดวงตา และหูอย่างต่อเนื่อง แต่ล่าสุดได้มีคลินิกที่กรุงเทพฯ ติดต่อมาว่าจะช่วยทำศัลยกรรมใบหน้าให้กับน้องโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ก็ดีใจแทนน้องมาก ซึ่งเขาบอกว่าจะนัดให้ไปตรวจประเมินที่คลินิกช่วงหน้าปีใหม่ คุณแม่ก็ขอขอบคุณล่วงหน้า และขอบคุณทุกหน่วยงาน และผู้ใจบุญทุกคนที่บริจาคช่วยเหลือ เงินดังกล่าวก็จะเก็บไว้เป็นค่าเดินทางพาลูกไปรักษาตามหมอนัด และกินอยู่เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องแม่ก็ต้องออกจากงานมาดูแลลูก จนยายต้องขายทองที่มีมาช่วย ก็หวังว่าหลังผ่านเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดเหตุ ลูกจะได้มีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นบ้าง