ข่าวสังคม

ศรีสะเกษ ญาติโวย ตร.จับผิดตัวหนุ่มไม่เกี่ยวข้องยาเสพติด ขณะที่ ตร.แจงเป็นการใช้อำนาจตามฏหมายขอตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดเท่านั้น แต่หนุ่มขัดขืนขัดขวางการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายจึงถูกจับกุมดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหนองคำ ต.หนองคำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นางนงคราญ กึ่งวงค์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 หมู่ 9 บ้านหนองคำ ต.น้ำคำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นางอรทัย กึ่งวงศ์ อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นผู้ถ่ายคลิปวิดีโอและญาติพี่น้องที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ได้นำเอาคลิปภาพเหตุการณ์ที่มีเจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ มาทำการจับกุมนายวีระศักดิ์ หรือนายหรั่ง อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของพวกตน มาเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2567 ขณะที่ตนกวาดขยะข้างบ้านเพื่อทำความสะอาดบริเวณบ้านอยู่นั้น ฝุ่นจากขยะ ได้ทำให้นายหรั่งหลานชายของตนที่นอนเล่นอยู่ในเปลใกล้กันต้องลุกเดินออกไป ปรากฏว่า ในเวลาไล่เลี่ยกันได้มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินออกมาจากป่าข้างบ้านเข้ามาถามตนว่า นายบอส ไปไหน ตนตอบว่าไม่ทราบทำไมไม่ไปถามหากับพ่อแม่ของนายบอส ซึ่งชายฉกรรจ์ได้มองเห็นนายหรั่งหลานชายของตนกำลังเดินออกไปหน้าบ้าน ชายฉกรรจ์ที่ตนเพิ่งทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ตร.ได้เดินเข้าไปหานายหรั่งและจะทำการจับกุมนายหรั่ง โดยคิดว่านายหรั่งเดินออกมาจากป่าและมีชายฉกรรจ์อีก 4 คนเดินออกมาจากป่าตามมาสมทบด้วยและได้เข้าไปร่วมกันทำการจับกุมนายหรั่งหลานชายของตน เพราะคิดว่านายหรั่งเดินออกมาจากป่า ซึ่งนายหรั่งได้ขัดขืนไม่ยอมให้จับกุมเพราะไม่รู้ว่าเป็นใครที่เข้ามาจับตนเอาไว้ ทำให้เสื้อที่นายหรั่งสวมใส่อยู่ถูกดึงขาด และร้องตะโกนถามว่า มึงเป็นไผ จึงจะมาเอากู กูทำผิดอะไร ซึ่งกลุ่มชายฉกรรจ์ ตอบว่า มึงต้องเจอกันกับกู ไปเจอกันที่ศาล

นางนงคราญ กึ่งวงค์ อายุ 51 ปี ป้าของนายหรั่ง เล่าต่อไปว่า ซึ่งหลังจากที่จับนายหรั่งใส่กุญแจมือแล้ว กลุ่มชายฉกรรจ์ จึงได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ตร.และจะทำการตรวจปัสสาวะ ซึ่งนายหรั่งบอกว่า หากจะตรวจปัสสาวะให้ตรวจที่นี่ แต่ว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ ตร.ไม่ยอมและจะนำตัวนายหรั่งไปศาลอย่างเดียว ตนและญาติพี่น้องได้พากันร้องโวยวายเพราะเห็นว่า นายหรั่งไม่ได้ทำผิดอะไรแต่ทำไมมาโดนจับกุมตัวแบบนี้ แต่ว่าเจ้าหน้าที่ ตร.ไม่ยอมฟัง จากนั้น เจ้าหน้าที่ ตร.ได้จับกุมนายหรั่งโดยใส่กุญแจมือ ทำให้นายหรั่งเป็นแผลที่ข้อมือ คุมตัวนายหรั่งไปที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ ตนจึงได้ติดตามไปด้วย ซึ่งนายหรั่งได้ถูกตั้งข้อหาว่า ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ตนสงสัยว่า เพราะเหตุใดนายหรั่งหลานชายของตนจึงถูกจับกุม อีกทั้งเจ้าหน้าที่ ตร.มาตามหานายบอส แต่ทำไมต้องมาจับกุมนายหรั่ง ซึ่งไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้พวกตนตกใจและเสียใจมาก พวกตนจึงเชื่อว่า จะต้องเป็นการจับกุมผิดคนอย่างแน่นอน จึงขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า เพื่อเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ จึงได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้พบกับ พ.ต.ท.สราวุฒิ คำน้อย รอง ผกก.สส.สภ.เมืองศรีสะเกษ และ พ.ต.ท.สังวรณ์ สอนหอม สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พ.ต.อ.อัครพล รัศมี ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ ให้เป็นผู้ชี้แจงเรื่องนี้กับสื่อมวลชน ซึ่ง พ.ต.ท.สราวุฒิ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน สภ.เมือง ศรีสะเกษ ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหายาเสพติด จำนวน 2 รายพร้อมของกลาง จากการขยายผลผู้ต้องหาให้การว่า ได้ซื้อยาบ้ามาจากนายบอส ซึ่งอยู่ที่บ้านหนองคำ ต.น้ำคำ อ.เมืองศรีสะเกษ ต่อมาในวันเวลาเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน ได้เข้าไปทำการติดตามจับกุมตัวนายบอส โดยพบว่า ในป่าใกล้ที่เกิดเหตุมีรถ จยย.คันหนึ่งจอดอยู่ พบอุปกรณ์ในการเสพยาบ้าในรถ จยย.ด้วย

พ.ต.ท.สราวุฒิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ ตร.จึงได้ทำการค้นหาผู้ต้องสงสัยภายในป่า และได้เดินออกมาจากป่าได้พบกับนายหรั่ง มีท่าทางน่าสงสัย จึงได้ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 176 ขอเรียกตรวจสอบยาเสพติดในร่างกาย แต่นายหรั่งขัดขืนไม่ยินยอมตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.และได้พยายามจะวิ่งหนี โดยใช้ไหล่ดันเจ้าหน้าที่ ตร.ทำให้ทั้งนายหรั่งและเจ้าหน้าที่ ตร.ล้มลงที่พื้นดิน พร้อมทั้งได้พยายามจะหลบหนีการจับกุมและร้องโวยวายตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมตัวเอาไว้และได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายหรั่งว่า ไม่ยอมให้ตรวจหรือทดสอบว่า มียาเสพติดอยู่ในร่างกายหรือไม่ และข้อหาต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ นายหรั่งได้ให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนจึงได้นำตัวนายหรั่งส่งฟ้องเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ศาลตัดสินผู้ต้องหานายวีระศักดิ์ หรือนายหรั่ง ปรับ 5,000 บาทจำคุก 2 เดือน แต่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพให้คงเหลือค่าปรับ 2,500 บาทจำคุก 1 เดือนโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ ตร.ได้กระทำตามอำนาจหน้าที่และได้มีการบันทึกภาพวีดีโอไว้ตลอดเวลา ไม่ได้ใช้อำนาจในการกลั่นแกล้งผู้ใดแต่อย่างใด/