ข่าวสังคม

ศรีสะเกษ บุกร้องผู้ว่าฯ รวบหนุ่มแสบหลอกต้มชาวบ้าน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท อ้างรู้จักตำรวจ และนายใหญ่ในพื้นที่ ไม่หวั่นติดคุก เพราะเคลียร์ได้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าศาลากลาง จ.ศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้มีกลุ่มชาวบ้านได้ที่ได้รับความเดือดร้อน รวมตัวกันเพื่อร้องเรียนต่อ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ จากกรณีถูกนายบาส ข้าวดอ (นามสมมุติ) หลอกลวง นำทรัพย์สินไปขาย และเมื่อกลุ่มผู้เสียหายได้ไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ปรากฏว่ากลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จึงรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ในครั้งนี้

นายไกรสร วิจิตร อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 233 ม.7 บ้านโนนแย้ ต.หญ้าปล้อง อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เป็นหนึ่งในตัวแทนผู้ได้รับความเสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อประมาณวันที่ 2 มี.ค.67 ที่ผ่านมา ตนได้ไปรับจ้างทำงานในพื้นที่บ้านข้าวดอ ต.น้ำคำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ และในขณะทำงานอยู่ ได้มีนายบาส ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านข้าวดอ เข้ามาขอขับรถไถ เพื่อช่วยงานตน พร้อมกับเคลียร์เรื่องในพื้นที่ให้อย่างเสร็จสรรพ ตนเห็นว่าทำงานได้ดี จึงให้มาช่วยงาน จนกระทั่งผ่านไปได้ประมาณ 3 วัน ปรากฏว่า นายบาส ได้มาขอยืมผานไถนาจากตนไป พร้อมกับนำรถไถของตนไปทั้งคัน โดยอ้างว่า ผานของนายบาสลูกปืนแตก ตนจึงตัดสินใจให้ยืมไป ซึ่งหลังจากยืมไป นายบาสก็ยังมาทำงานปกติ และเมื่อเวลาเลิกงานก็ได้นำรถไถกลับบ้านของนายบาส จนผ่านไปได้ประมาณ 2-3 วัน ตนก็ได้ทวงถามผานคืน แต่ปรากฏว่า นายบาสกลับบ่ายเบี่ยงที่จะนำมาส่งคืน ซึ่งตนพยายามติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เลยเริ่มมีลางสังหรณ์ว่าจะโดนหลอก ตนจึงได้ไปตามอยู่ที่บ้านของนายบาส ปรากฏว่า ไม่เห็นรถไถของตนจอดที่บ้านของนายบาส แต่กลับไปพบรถไถของตนจอดอยู่บริเวณพื้นที่ละแวกบ้านนายบาส พร้อมกับกุญแจ ซึ่งเป็นกุญแจปั้มดอกสำรอง ซึ่งนายบาสไปปั้มขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้น ตนจึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ แต่ปรากฏว่า เมื่อเอ่ยชื่อนายบาสขึ้น ตำรวจกลับรู้จักชื่อเสียงนายบาสเป็นอย่างดี พร้อมทั้งบอกว่า นายบาสคนนี้มีหมายศาล และมีคดีลักษณะนี้อยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจว่า ทำไมมีคดีมากมายขณะนี้ กลับไม่โดนดำเนินคดีหรือติดคุกซักที

นายไกรสร กล่าวต่อไปว่า ในวันนี้ที่ตนและผู้เสียหายท่านอื่นในหลายพื้นที่ เดินทางมาในวันนี้ เพราะต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม เนื่องจากเมื่อรวมมูลค่าความเสียหาย ที่นายบาสได้ทำลงไป ทั้งเป็นการฉ้อโกง ลักทรัพย์ ทั้งรถยนต์ รถไถนา และอุปกรณ์ต่างๆ มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่มีการเร่งดำเนินคดีกับนายบาสแต่อย่างใด กลับปล่อยให้ออกมาก่อเหตุซ้ำๆ อยู่ตลอด หรือเพราะ นายบาสมีเส้นสายรู้จักกับตำรวจใหญ่ในพื้นที่แบบที่นายบาสกล่าวอ้าง เพราะช่วงที่นายบาสทำงานกับตน ได้มีนายตำรวจท่านหนึ่ง ขับรถตำรวจ สภ.แห่งหนึ่ง มาหาตนถึงบริเวณที่ทำงาน และชักชวนตนไปไถกลบหน้างานในพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งตนได้ปฏิเสธไป เพราะกลัวผิดกฏหมาย ซึ่งอาจเป็นเหตุผลนี้หรือไม่ ที่ทำให้นายบาส ถึงยังไม่ถูกดำเนินคดีตามกฏหมายเสียที อีกทั้ง ตนเชื่อว่า สิ่งที่นายบาสกระทำทั้งหมด ไม่สามารถดำเนินการคนเดียวได้ ต้องมีกระบวนการหรือเครือข่ายที่ร่วมกันกระทำในเรื่องนี้ ซึ่งตนอยากให้ตำรวจสาวถึงต้นตอของกระบวนการของนายบาสด้วย เพื่อไม่ให้ประชาชนคนอื่นต้องเดือดร้อนอีกต่อไป

ขณะที่ นายบุญชวัฒน์ ปัญช์ณ์ญาแดง ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำกลุ่มผู้เสียหาย เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจว่า ตนขอให้ผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด เข้าดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามแต่ละพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งตอนนี้ นายบาสมีอยู่ 8 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนกระบวนการทางกฎหมาย ก็เป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ ในเรื่องของการที่นายบาส กล่าวว่า รู้จักกับคนมีสี หรือคนใหญ่โตในจังหวัด ตนเห็นว่าเป็นการกล่าวอ้างมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตนจะได้ติดตามเรื่องนี้ และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อความสบายใจของผู้ได้รับความเสียหาย ซึ่งตนอยากให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายมั่นใจว่า ทุกท่านจะได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้อย่างแน่นอน